svasdssvasds

เฟซบุ๊ก ประกาศแผนเชื่อมโยงสามแอปพลิเคชั่นแชทชื่อดัง [คลิป]

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ สื่อของสหรัฐฯรายงานว่าเฟซบุ๊กจะรวมสามแอปพลิเคชั่นแชทที่อยู่ภายใต้บริษัท นั่นก็คือ WhatsApp, Instagram และ Messenger โดยทั้งสามแอปพลิเคชั่นจะยังคงเป็นแอปพลิเคชั่นที่แยกกัน แต่โครงสร้างเบื้องหลังของทั้งสามแอปพลิเคชั่นจะเหมือนกัน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้ภายนอกมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันล้านคนด้วยเช่นเดียวกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เฟซบุ๊กสามารถใช้ข้อมูลผู้ใช้คนเดียวจากทั้งสามแอปพลิเคชั่น เพื่อยิงเป้าหมายทางโฆษณาที่ให้ผลได้ดีกว่า

โฆษกของเฟซบุ๊กระบุว่าบริษัทกำลังพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์แชทของบริษัทนั้นสามารถเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางได้ และกำลังหาวิธีให้ผู้ใช้เข้าถึงเพื่อนและครอบครัวข้ามเครือข่ายได้ง่ายขึ้น แต่ก็คาดการณ์ว่าจะยังต้องมีการหารือและถกเถียงกันไปอีกยาวเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร

ทั้งนี้ เฟซบุ๊คคาดการณ์ว่ามีผู้ใช้ Facebook, WhatsApp, Instagram และ Messenger ราวสองพันหกร้อยล้านคนในแต่ละเดือน นอกจากนี้ มีผู้คนราวสองพันล้านคนที่ใช้แอปพลิเคชั่นที่เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของอย่างน้อย 1 แอปพลิเคชั่นในแต่ละวัน

เดบรา อาโฮ วิลเลียมสัน นักวิเคราะห์จากบริษัทอีมาร์เก็ตเทอร์ ระบุว่า คาดว่าจะมีการแชร์ข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชั่นทั้งสามนี้ ซึ่งจะทำให้เป็นการง่ายสำหรับเฟซบุ๊กในการติดตามกิจกรรมความเคลื่อนไหวของผู้ใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆในเครือ เพื่อที่จะได้วางเป้าในการยิงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพยายามเชื่อมเครือข่ายเหล่านี้ด้วยกัน แสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กกำลังต้องการเข้ามาควบคุมแอปพลิเคชั่นต่างๆมากขึ้น และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กรได้

ที่ผ่านมา แม้เฟซบุ๊กซื้อกิจการของ WhatsApp และ Instagram แต่ในเชิงบริหาร ทั้งสองบริษัทยังถือว่าเป็นอิสระจากเฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาไม่นานมานี้ ทัง้สองบริษัทเริ่มมีความสำคัญต่อเฟซบุ๊กมากขึ้นเพราะเฟซบุ๊กเผชิญวิกฤตเรื่องข่าวปลอม การแทรกแซงการเลือกตั้งในหลายประเทศ และการละเมิดสิทธิส่วนตัวของผู้ใช้

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเข้าซื้อกิจการของ WhatsApp ในปี 2014 และซีอีโอและผู้ก่อตั้งของได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 2018 โดยมีรายงานข่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเฟซบุ๊คในเรื่อง ข้อมูลผู้ใช้และการเข้ารหัส

ขณะที่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้งสองคนของอินสตาแกรมก็ประกาศลาออก หลังมีรายงานว่ามีความขัดแย้งกับนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร๋ก เจ้าของเฟซบุ๊ก ในเรื่องทิศทางในอนาคตของอินสตาแกรมที่เฟซบุ๊กได้เข้ามาซื้อกิจการตั้งแต่ปี 2012