ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
เข้าสู่ช่วงเทศกาลฮาโลวีนแบบนี้ ก็ต้องไปเที่ยวให้เข้ากับบรรยากาศซะหน่อย ถึงแม้จะไม่มีใครยืนยันได้ว่า ผีมีจริงหรือไม่ เพราะบางคนก็เคยเจอ บางคนก็ไม่เคยเจอ แต่ก็มีสถานที่ที่หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเฮี้ยน! มีทั้งอาถรรพ์ และมีผีที่ว่าเฮี้ยนจนขึ้นชื่อไปทั่วโลก จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลย
สถานที่ที่สร้างมาเกือบพันปี โดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 เมื่อปี ค.ศ.1078 เป็นโบราณสถานที่มีประวัติกับราชวงศ์ของอังกฤษ เคยใช้เป็นทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังนักโทษ และลานประหาร ว่ากันว่ามีคนเคยเห็นวิญญาณที่ตายไปแล้วมาหลอกหลอนด้วย
ซึ่งวิญญาณที่ร่ำลือกันว่ามาปรากฏร่างให้เห็นบ่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นชั้นเจ้านาย และขาประจำก็คือวิญญาณของ พระนางแอน โบลิน มเหสีองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ถูกประหารด้วยการบั่นพระเศียร ในปี พ.ศ.2079 เนื่องจากนอกพระทัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 โดยเจ้าหน้าที่ประจำหอคอยเล่าวว่า มีคนเจอพระนางแอน โบลิน หลายครั้ง และบางครั้งมาแบบไม่มีหัวเสียด้วย ในตอนประหารพระนางแอน เพชฌฆาตที่มาจากฝรั่งเศษ ชูพระเศียรขึ้น พระเนตรของพระนางยังคงลืมอยู่ และพระโอษฐ์ก็ขมุมขมิบ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เชื่อว่าพระนางทรงกำลังสากแช่งอยู่
เมืองท่าที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องผีดุเหมือนกัน ชาวอเมริกา ต่างเคยได้ยินเรื่องเล่า ที่สิ่งลี้ลับสารพัดรูปแบบ ทั้งเรื่องของการตายหมู่ หลุมศพจำนวนมาก ผีดูดเลือด ไปจนถึงลัทธิวูดู อย่าง มารี ลาโว ผู้นำลัทธิวูดู ที่มีชื่อเสียงในปี 1800 ว่ากันว่า มารี ลาโว สามารถรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของเมืองได้ง่ายๆ จนมีผู้คนหันมานับถือจำนวนมาก
นอกจากนี้ เมืองนิวออร์ลีนส์ ยังมีสถานที่ผีดุ นั่นก็คือบ้านหรูสมบัติตกทอดของ เดลฟีน ลอรี่ สาวอเมริกันชั้นสูง โดยในปี 1831 ว่ากันว่าเธอน่าจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ทรมานและฆ่าทาสตายไปกว่า 100 ศพ จนปี 1834 ได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่บ้านของเธอ เมื่อนักดับเพลิงเข้าไปก็พบทางทั้งชายและหญิง ที่ถูกล่ามโซ่ ขังกรงสุนัข ถูกทำให้เสียโฉม ตัดแขนและขา บางคนถูกเย็บปากติดกันเพื่อให้อดอาหารตาย แต่เดลฟีน ลอรี่ กลับพ้นผิดเพราะญาติของเธอเป็นผู้ว่าที่แสนร่ำรวย จนกลายเป็นคฤหาสน์หลอน ที่หลายคนเคยเจออย่างเช่น วิญญาณ เสียงกรีดร้องอย่างทรมาร และเสียงหวดของแส้เป็นระยะ
ที่นี่ได้ชื่อว่าติดอันดับ 1 ใน 5 ของเกาะที่หลอนที่สุดในโลก เพราะเป็นสถานที่คุมขังนักโทษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางทะเล หลังสิ้นสุดสงครามโลก กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ ที่เป็นจำเลยในช่วงสงคราม มาทำงานในเหมืองถ่านหิน ต่อมาบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง มิตซูบิชิ ได้ลงทุนซื้อเกาะนี้ และพัฒนาให้เป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดลง เนื่องจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการอีกต่อไป จึงอพยพคนของจากเกาะจนหมด
ตอนนี้เกาะฮาชิมะ กลายเป็นเกาะร้างที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่ต้นไม้ หรือดอกไม้ และกลายเป็นสถานที่โด่งดังจากการใช้เป็นที่ถ่ายภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง รวมถึง Battle Royale ด้วย ซึ่งในระหว่างถ่ายทำ ทีมงานได้เจอกับสิ่งผิดปกติอยู่ตลอด แต่เรื่องที่ทำให้หลอนที่สุดในกอง จนต้องหยุดการถ่ายทำไปเป็นอาทิตย์ เมื่อ ชิอากิ คูริยามา นักแสดงหญิงคนหนึ่ง ถูกบางสิ่งครอบงำ จนต้องเชิญมิโกะ (ร่างทรง) ที่เดินทางมาด้วย ขับไล่วิญญาณร้ายออกไป โดยมิโกะบอกว่า สถานที่นี้มีดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นอยู่จำนวนมาก ยากที่จะขับไล่ออกไป เพราะที่ตรงนี้คือที่ของพวกเขา
เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น เมืองต้องคำสาป เพราะต้องเจอกับภัยพิบัติถาโถมอย่างต่อเนื่อง เมืองคราโค่ เป็นเมืองร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลาง ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต และที่ถูกขานนามว่าเป็นเมืองต้องคำสาปนั้น เป็นเพราะเมืองนี้ต้องเจอกับภัยพิบัติ ทั้งภัยแล้งที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรย่ำแย่ การถูกโจรปล้นบ้านเรือน
แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็นการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายต่อหลายครั้งติดกัน จนทำให้เมืองคราโค่ เสียหายเกินกว่าที่จะบูรณะซ่อมแซมให้ได้ และประชาชนก็ได้เริ่มทยอยออกไป เพราะกลัวจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีก กระทั่งปี 1960 เมืองคราโค่ ก็ได้กลายเป็นเมืองที่ล่มสลายในที่สุด
ที่จริงแล้วจะเรียกว่าทั้งเมืองก็คงไม่ถูก แต่เป็นเพียงสถานที่เท่านั้น นั่นก็คือ ถนน Balete Drive ถนนที่ตัดผ่านย่านเมืองเก่าที่เรียกกันว่า นิว มะนิลา อยู่ในเมือง เกชอน ซิตี้ ซึ่งถ้าหากไม่รู้ประวัติก็คงคิดว่าเป็นถนนธรรมดาเส้นหนึ่ง แต่คนในพื้นที่นั้นต่างยกให้เป็นถนนสุดหลอนของฟิลิปปินส์เลยทีเดียว เพราะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับมากมาย ทั้งตำนานผีชุดขาว, ผีดูดเลือด, บ้านร้างที่มักได้ยินเสียงโหยหวนประจำ และต้นไทรต้องคำสาป
และที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นเรื่องของวิญญาณหญิงชุดขาว ที่มักปรากฏตัวให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเป็นประจำ โดยเฉพาะเวลากลางคืน คนที่เห็นต่างพูดตรงกันว่า ผู้หญิงชุดขาว เดินจากถนนฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่ง แล้วก็หายตัวไปในต้น Belate (ต้นไม้ประจำถิ่น) บางทีก็ออกมาโบกรถ หรือบางคนเคยเจอวิ่งไล่ตามรถก็มี จนทำให้เกิดหายนะกับผู้คน จนชาวบ้านแนะนำให้หลีกเลี่ยง หากต้องขับผ่านถนนเส้นนี้ตอนดึกๆ อย่ามองไปข้างหลัง อย่ามองกระจก โดยหญิงชุดขาวตนนี้ ชาวเมืองเล่าว่าเธอถูกฆ่าข่มขืนโดยทหารญี่ปุ่น ช่วงสงครามโลก ก่อนตายเธอถูกฟันด้วยดาบจนหน้าหายไปครึ่งซีก และว่ากันว่ากระดูกเธอถูกฝังอยู่ที่โค้นต้น Balete นั่นเอง