svasdssvasds

แอปเปิลกับน้ำแอปเปิลให้ประโยชน์แตกต่างกันอย่างไร

แอปเปิลกับน้ำแอปเปิลให้ประโยชน์แตกต่างกันอย่างไร

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

เรารู้กันดีว่าผลของแอปเปิลทานแล้วดีต่อสุขภาพ ประกอบด้วยสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำเป็นส่วนใหญ่ เนื้อและเปลือกของแอปเปิลยังมีเส้นใยที่มีคุณสมบัติพองตัวได้ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ทำให้การขับถ่ายสะดวก และยังช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินซี และฟลาโวนอยด์ ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่หลายคนอาจชื่นชอบการดื่มเป็นน้ำผลไม้มากกว่า เพราะดื่มง่ายและอร่อย ทราบหรือไม่ว่าเมื่อนำมาคั้นเป็นน้ำแอปเปิล จริงๆ แล้วกลับมีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน นี่คือ 4 ประโยชน์ และ 5 ข้อเสียของการดื่มน้ำแอปเปิล

4 ข้อดีของการดืมน้ำแอปเปิล

1. เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

น้ำแอปเปิลมีรสชาติดี ถูกปาก ดื่มง่าย และเมื่อดื่มแล้วมักทำให้เรารู้สึกสดชื่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยงจากการขาดน้ำ กุมารแพทย์ยังแนะนำให้ผสมน้ำแอปเปิลกับน้ำในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง จะดีสำหรับเด็กที่ป่วยจากการขาดน้ำ อย่างอาการท้องร่วงและอาเจียน โดยสามารถดูดซึมได้ดีถึง 6.5 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าการได้รับเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำรุนแรงมากเครื่องดื่มเกลือแร่ที่เป็นยายังคงจำเป็นอยู่ แม้ว่าปริมาณโพแทสเซียมในน้ำแอปเปิลจะคล้ายกับเครื่องดื่มเกลือแร่ก็ตาม

2. อุดมไปด้วยประโยชน์

แอปเปิลอุดมไปด้วยโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารอาหารที่เราจะได้รับผ่านการรับประทานอาหารจากพืช ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร การคุมน้ำหนัก รวมถึงป้องกันความเสื่อมของระบบประสาท โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดได้ รวมถึงปกป้องเซลล์ของคุณจากการอักเสบและความเสียหายจากอนุมูลอิสระด้วย

จากการศึกษาโดยให้ผู้ชายที่มีสุขภาพดีดื่มน้ำแอปเปิลขนาด 2/3 ถ้วย หรือ 160 มิลลิลิตร นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการเจาะเลือดดูผลการทำลายจากอนุมูลอิสระในเลือด พบว่าการทำลายถูกระงับภายใน 30 นาทีหลังดื่ม และให้ผลต่อเนื่องยาวนานถึง 90 นาทีเลยทีเดียว

3. ดีต่อสุขภาพของหัวใจ

โพลีฟีนอลในแอปเปิ้ลเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพหัวใจ โพลีฟีนอลช่วยป้องกันไม่ให้ LDL ซึ่งเป็นไขมันที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว รวมถึงคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง ลดความเสี่ยงหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้

จากผลการศึกษาพบว่า เมื่อให้ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีดื่มน้ำแอปเปิลใส 1 ถ้วยต่อวัน หรือปริมาณ 375 มิลลิลิตรต่อวัน ทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ สามารถต้านทานค่า LDL และคอเลสเตอรอลได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้เมื่อผู้หญิงที่มีสุขภาพดีดื่มน้ำแอปเปิลใส 1 ¼ ถ้วย หรือ 310 มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านอนุมูลอิสระในเลือดเพิ่มขึ้นเกือบ 11 เปอร์เซ็นต์ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากดื่ม

4. ปกป้องสมองเมื่ออายุมากขึ้น

การศึกษาเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าน้ำแอปเปิลช่วยบำรุงสมองและสุขภาพจิต โดยได้มีการทดลองนำหนูที่อายุมากมารับน้ำแอปเปิลปริมาณ 2-3 ถ้วย หรือ 480-720 มิลลิลิตร ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ปรากฏว่าพวกมันทำบททดสอบด้านความจำในด่านวงกตได้ดีเป็นอย่างมาก ดีกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำผลไม้ อย่างไรก็ตาม เมื่อให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ดื่มน้ำแอปเปิลวันละ 1 แก้ว หรือ 240 มิลลิลิตร ทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน กลับพบว่าไม่ได้ช่วยอะไร ไม่มีผลต่อระบบการทำงานของสมองและพฤติกรรม แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่ายังคงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน

แอปเปิลกับน้ำแอปเปิลให้ประโยชน์แตกต่างกันอย่างไร

5 ข้อเสียของการดื่มน้ำแอปเปิล

1. เพิ่มน้ำหนัก

หากคุณดื่มน้ำแอปเปิล 1 ถ้วย หรือประมาณ 240 มิลลิลิตร จะให้พลังงาน 114 แคลอรี่ แต่ในขณะที่ผลแอปเปิลขนาดกลางให้พลังงานเพียงแค่ 95 แคลอรี่เท่านั้น น้ำผลไม้สามารถบริโภคได้เร็วกว่า ผลคือทำให้ได้รับแคลอรี่จำนวนมากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้น้ำผลไม้ยังไม่ช่วยให้อิ่ม อาจทำให้ทานเพลินและรับเอาแคลอรี่ส่วนเกินไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย นี่จึงอาจทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ผลแอปเปิลจึงยังคงช่วยบรรเทาความหิวได้ดีที่สุด

สถาบันกุมารเวชศาสตร์ของสหรัฐฯ แนะนำข้อจำกัดการทานน้ำผลไม้ต่อวันไว้ตามช่วงอายุดังนี้ อายุ 1-3 ปี ควรทานน้ำผลไม้ไม่เกิน ½ ถ้วย หรือ 120 มิลลิลิตร อายุ 3-6 ปี ควรทานไม่เกิน ½ - ¾ ถ้วย หรือประมาณ 120-175 มิลลิลิตร ส่วนอายุ 7-18 ปี ควรทานไม่เกิน 1 ถ้วย หรือ 240 มิลลิลิตร และผู้ใหญ่แนะนำว่าไม่ควรทานเกิน 1 ถ้วย เช่นเดียวกัน

2. ให้วิตามินและแร่ธาตุต่ำ

น้ำแอปเปิล ตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีการเสริมเพิ่มวิตามินซีและแร่ธาตุอย่างอื่นเพิ่มเพื่อให้ RDI 100 เปอร์เซ็นต์ หากไม่ได้เสริมวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเราจะได้รับเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หากกินผักผลไม้หลากหลายชนิดก็จะได้รับวิตามินเพิ่มเติมครบได้เช่นเดียวกัน

3. น้ำตาลมาก – กากใยต่ำ

เลือกทานน้ำผลไม้ 100% ดีกว่าเครื่องดื่มที่ผสมน้ำแอปเปิล น้ำตาล และน้ำ เพราะน้ำผลไม้ 1 ถ้วย 240 มิลลิลิตร ไม่ว่าจะใสหรือขุ่นจะให้เส้นใยเพียง 0.5 กรัมเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณดื่มน้ำแอปเปิลพร้อมกับ โปรตีน และไขมัน จะช่วยลดผลกระทบต่อน้ำตาลในเลือดได้ เช่น ผู้ใหญ่ที่แข็งแรงทานอาหารเช้ามีน้ำแอปเปิล ขนมปัง และเนยถั่ว ค่าน้ำตาลในเลือดจะน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

4. ส่งเสริมให้ฟันผุ

แบคทีเรียในช่องปากชอบน้ำตาลในน้ำผลไม้และจะผลิตกรดที่กัดกร่อนสารเคลือบฟันอันนำไปสู่การเกิดฟันผุได้ จากการศึกษาในหลอดทดลองที่ประเมินผลทางทันตกรรมกับน้ำผลไม้จำนวน 12 ชนิด พบว่าน้ำแอปเปิลให้ผลการกัดกร่อนฟันมากที่สุด หากคุณดื่มน้ำแอปเปิลจากแก้ว ฟันจะสัมผัสกับน้ำตาลอย่างเต็มที่ อาจทำให้เกิดฟันผุได้ ฉะนั้นการใช้หลอดจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ทางที่ดีหลังดื่มน้ำผลไม้หรือของหวานควรแปรงฟันเพื่อหลีกเลี่ยงฟันผุจะดีที่สุด

5. อาจพบสารปนเปื้อน

ปัจจุบันมีการตื่นตัวในการทานผักผลไม้แบบอินทรีย์กันมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อนจากยากำจัดศัตรูพืช กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบตัวอย่างน้ำผลไม้ พบว่าในน้ำแอปเปิล 100 เปอร์เซ็นต์ ครึ่งหนึ่งตรวจพบยาฆ่าแมลงอย่างน้อยหนึ่งตัว แม้ว่าสารปนเปื้อนเหล่านี้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ แต่เด็กมีความเสี่ยงต่อการได้รับสารกำจัดศัตรูพืชมากกว่าผู้ใหญ่ ถ้าต้องการดื่มน้ำแอปเปิลเป็นประจำควรเลือกแบบอินทรีย์ดีที่สุด ในระยะยาวจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้