กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจอนามัยโพลในช่วงตรุษจีนปี 2562 พบว่า ใช้ธูปขนาดสั้นเพียงร้อยละ 33 มีการเผากระดาษเงินกระดาษทองถึงร้อยละ 98 จึงขอความร่วมมือลดปริมาณการเผา เพื่อลดการเพิ่มฝุ่น PM2.5
ตรุษจีน เป็นเทศกาลที่คนไทยเชื้อสายจีน นิยมจุดธูป เผากระดาษเงินกระดาษทอง และเผาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพื่อบูชาเทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ ซึ่งในแต่ละครั้งที่เผาจะปล่อยมลพิษออกมา ทั้งควันและขี้เถ้า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน และสารก่อมะเร็งอีกหลากหลายชนิด
สารก่อมะเร็ง อย่าง สารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอนหรือสารพีเอเอช และสารอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น เบนซิน (Benzene) และ 1,3-บิวทาไดอีน (1,3-butadiene)
ขี้เถ้า จะมีสารโลหะหนัก 4 ชนิด ได้แก่ โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว แมงกานีส และพบโลหะหนักเหล่านี้อยู่ในขี้เถ้ามากกว่าฝุ่นละอองในอากาศประมาณ 3-60 เท่า ซึ่งหากได้สัมผัส อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการสำรวจอนามัยโพล เรื่องพฤติกรรมการใช้ธูป กระดาษเงินกระดาษทอง ในเทศกาลตรุษจีน ช่วงเดือนมกราคม 2562 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1,657 คน พบว่า
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ การจุดธูปรวมทั้งการ เผากระดาษเงินกระดาษทอง ในปริมาณที่มากอาจทำให้เกิดควันที่มีสารก่อมลพิษต่างๆ มากมาย ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาที่ได้รับสารนั้น
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดโรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป
วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือ