svasdssvasds

โรคอุบัติใหม่ กาฬโรคในม้า ไม่ได้เกิดจากเชื้อโควิด 19 ไม่ติดต่อสู่คน

โรคอุบัติใหม่ กาฬโรคในม้า ไม่ได้เกิดจากเชื้อโควิด 19 ไม่ติดต่อสู่คน

การล้มตายของม้าอย่างเฉียบพลันเป็นจำนวนมากที่นครราชสีมาและประจวบคีรีขันธ์ ผลการตรวจเลือดของม้าจาก สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ พบว่า เป็นโรคกาฬโรคในม้า ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน และไม่ได้เกิดจากเชื้อ COVID-19

ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง เกษแดงสกลวุฒิ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดกาฬโรคในม้า หรือ โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าว่า เกิดจากเชื้อไวรัส RNA ชนิด  ไม่มีเปลือกหุ้มที่มีตัว “ริ้น” เป็นพาหะ ซึ่งจะติดต่อในสัตว์เฉพาะตระกูลม้า ล่อ ม้าลายเท่านั้น สัตว์ที่มีความไวต่อการติดต่อมากที่สุดคือม้า แต่ไม่มีการติดต่อสู่คนได้

การติดต่อหลักของโรคนี้คือการโดนริ้นที่เป็นแมลงดูดเลือดไปกัดม้าที่ป่วย เพราะม้าที่ป่วยจะมีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด ริ้นที่ได้รับเชื้อไวรัสจะไปกัดม้าตัวอื่น ทำให้ม้าได้รับเชื้อติดต่อไปทันที ยิ่งถ้ามีอากาศร้อนชื้นมากๆ ตัวริ้นจะเพิ่มจำนวนได้เยอะ ก็ยิ่งทำให้โรคนี้แพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้นการที่จะหยุดการแพร่ระบาดโรคนี้ได้ดีคือต้องกำจัดตัวริ้นให้หมดไป

ส่วนสาเหตุที่มีการระบาดของโรคนี้ในบ้านเรานั้น กำลังสืบสวนหาต้นเหตุกันอยู่ สันนิษฐานว่า อาจจะมีการนำเข้าม้าลายที่เป็นตัวพาหะ เพราะว่าม้าลายเป็นสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการแสดงออก และไวรัสจะอยู่ในตัวม้าลายได้นาน เมื่อมีแมลงดูดเลือดมากัดม้าลายแล้วไปกัดม้าตัวอื่นต่อก็มีโอกาสแพร่เชื้อได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ที่แน่ชัดว่ามาจากม้าลายจริงหรือเปล่า

สำหรับอาการแสดงของโรคกาฬโรคในม้า มี 4 รูปแบบ คือ

  • แบบไม่รุนแรง สัตว์จะมีอาการซึม ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้ต่ำๆ เป็นอยู่ประมาณ 2 – 3 วัน ซึ่งจะเกิดขึ้นในม้าลาย หรือลาแอฟริกา การที่ไม่มีอาการแสดงออกที่ชัดเจนจึงทำให้เป็นพาหะในการแพร่เชื้อไปให้กับม้าตัวอื่นๆ ได้ แต่สัตว์ที่ป่วยแบบไม่รุนแรงมักจะหายจากอาการป่วยได้
  • แบบเฉียบพลันรุนแรง สัตว์จะมีไข้สูงได้ถึง 40 องศาขึ้นไป มีอาการหายใจลำบาก ไอ มีน้ำมูก เป็นฟองสีเหลืองขุ่นออกจากปากและจมูก และจะเสียชีวิตได้ค่อนข้างไวภายในไม่กี่วัน
  • แบบกึ่งเฉียบพลัน สัตว์จะมีไข้สูง หายใจลำบาก จากนั้นจะเสียชีวิต แต่อาการป่วยจะช้ากว่าแบบเฉียบพลันรุนแรง
  • แบบเฉียบพลัน สัตว์จะแสดงอาการทั้งระบบทางเดินหายใจและปอด มีอัตราการตายค่อนข้างสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์

การตรวจวินิจฉัยกาฬโรคในม้า

ทำได้ด้วยการเก็บตัวอย่างเลือดจากม้าที่ป่วยนำมาตรวจด้วยวิธี PCR ซึ่งเป็นวิธีที่เร็วที่สุด หรืออาจมีการเพาะแยกไวรัสจากตัวอย่างเลือดม้าที่ป่วย หรือม้าที่ตาย ด้วยการนำเอาม้าม ต่อมน้ำเหลือง ปอด มาเพาะเชื้อในเซลล์เพาะเลี้ยง แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้ผล

แต่ถ้าในพื้นที่ที่มีการระบาดแล้วอาจใช้วิธีการตรวจทางซีรั่มวิทยา โดยการตรวจหา โรคติดเชื้อด้วยวิธี ELISA เพื่อตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ และแยกชนิดของเชื้อ ทั้งนี้การตรวจด้วยวิธีทางซีรั่มวิทยา จะพบแอนติบอดีต่อเชื้อได้ในวันที่ 8 – 14 หลังจากติดเชื้อ และพบว่าสัตว์จะมีแอนติบอดีในร่างกายได้นาน 1-4 ปี

ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง ชี้ว่า การรักษาโรคนี้ยังไม่มีการรักษาที่เฉพาะ และยังไม่มีวัคซีนที่ให้ผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไวรัสที่ระบาดอยู่ในเวลานี้มีถึง 9 สายพันธุ์ ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าไวรัสในบ้านเราเป็นสายพันธุ์ใด เรื่องการใช้วัคซีนจึงยังมีข้อจำกัด เราต้องหาสายพันธุ์ให้เจอก่อน ถึงจะผลิตวัคซีนได้ตรงกับการใช้งาน

วิธีการควบคุมและป้องกันกาฬโรคในม้า

ควรให้ม้าอยู่ในคอกที่ใช้มุ้งหรือตาข่ายในการป้องกันแมลงดูดเลือด ซึ่งเป็นพาหะของโรค ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงบริเวณคอกม้า และที่ตัวม้า รวมถึงกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์แมลงดังกล่าวในบริเวณใกล้เคียงให้หมดสิ้น กรณีที่มีการระบาดของโรค ต้องมีการควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกบริเวณที่เกิดโรค ทำความสะอาดคอก บริเวณที่เลี้ยงสัตว์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

ผศ.น.สพ.ดร.สว่าง กล่าวทิ้งท้ายว่า การช่วยลดหรือป้องกันการแพร่ระบาดของกาฬโรคในม้าได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงม้าต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อแนะนำของกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด

สิ่งสำคัญก็คือ ต้องงดการเคลื่อนย้ายม้า ห้ามนำอาหารหรืออุปกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดออกไปยังพื้นที่อื่น และต้องช่วยกันกำจัดแมลงที่เป็นพาหะของโรค นอกจากนี้ถ้ามีม้าป่วยต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ให้รีบดำเนินการทันที