svasdssvasds

ก้าวต่อไป ในการปรับตัวของธุรกิจ โรงแรม ยุคโควิด ความท้าทายใหม่ในการอยู่รอด

ตั้งแต่ Covid-19 ระบาด ประเทศไทยที่มีการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก และได้รับผลกระทบหนักที่สุด โรงแรม ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดมากแค่ไหน ก้าวต่อไปจะสาหัสหรือไม่

วันฟ้าเปิด บริเวณริมระเบียงฝั่ง Ocean View เสียงคลื่นซัดสาดชัดเจน มองเห็นชายหาด ไกลสุดลูกหูลูกตาของทะเลหัวหิน หลังจากพักกลางวันผ่านพ้นไป ชัยณรงค์ พิพิธวีรนันท์ ผู้จัดการทั่วไป ของ โรงแรมพุทธรักษาหัวหิน ผู้มากประสบการณ์การทำงานในวงการธุรกิจ โรงแรม มากกว่า 20 กว่าปี นั่งรอเราอยู่ตรงนั้น ระหว่างที่โรงแรมต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งโรงแรม ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดมากแค่ไหน และความท้าทายใหม่ที่ต้องเผชิญ นี่คือเรื่องราวที่เราอยากเล่าให้คุณฟัง

จากสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาดทั่วโลก สายการบินต่างๆ หยุดชะงัก ประเทศไทยที่อาศัยการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก และได้รับผลกระทบหนักที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่ โรงแรม ปิดตัวลงเป็นระยะเวลาหลายเดือน  ทำให้ต้องอาศัยไทยเที่ยวไทย นั่นคือเงินจากภายในประเทศอย่างเดียว Covid-19 ถือเป็นวิกฤตที่หนักหนาสาหัสที่สุด ที่เคยพบเจอมา

 

"ตอนนี้มันแย่ที่สุดแล้ว ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเกิดขึ้นทั่วโลก" ชัยณรงค์กล่าว

 

 

เทียบกับวิกฤตของ Covid-19 ในตอนนี้กับวิกฤตต้มยำกุ้ง

 

ในช่วงชีวิตที่ทำงานโรงแรมมากว่า 20 กว่าปี สงครามอ่าวเปร์เซีย ตะวันออกกลาง ต้มยำกุ้ง เงินบาทลอยตัว เทียบไม่ติดเลยกับปัจจุบัน ในสถานการณ์ Covid-19 ตอนนี้มันเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ต้มยำกุ้งเกิดเฉพาะภายในประเทศไทย ในมุมของภาคธุรกิจทั่วไปอาจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ในตรงกันข้ามในส่วนของโรงแรม ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินที่อ่อนลง ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ตอนนั้นคนไทยเอง ส่วนหนึ่งก็ยังท่องเที่ยวตามปกติ

กลับมาดูในช่วง Covid-19 ระบาด ทั่วโลกไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ เราไม่สามารถคาดหวังเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศได้ เราคาดหวังจากชาวต่างชาติด้วย ที่จะมาจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว แต่ช่วงนี้เป็นช่วง Low Season ในสถานการณ์ปกติ ยังพอมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบ้าง แม้จะไม่เท่าช่วง High Season ก็ตาม เรายังพอมีผลประกอบการที่ทำให้พออยู่ได้ แต่ตอนนี้มันแย่ที่สุด และเกิดขึ้นทั่วโลก

 

สถานการณ์ของอุตสาหากรรมท่องเที่ยวในยุคโควิด

 

หลังจากที่มีเชื้อ Covid-19 ระบาด ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธุ์เป็นต้นมา หนักสุด ช่วงปลายมีนาคมเป็นต้นมา ช่วงก่อนตรุษจีน ทุกโรงแรมถูกยกเลิกห้องพักจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนของชาวจีนที่เป็นช่วงตรุษจีน หลังจากนั้นมา สถานการณ์ก็แย่ลงเรื่อยๆ จากนั้นก็มีคำสั่งจากทางจังหวัด ล็อกดาวน์เมือง และปิดรีสอร์ทชั่วคราว นั่นหมายความว่าช่วงเมษายนของทั้งเดือน ทุกโรงแรมปิดหมดและไม่มีรายได้

 

Huahin-หัวหิน

 

 

หลังคลายล็อกดาวน์

 

กระทั่งปลายเดือนพฤษภาคม ทางจังหวัดคลายล็อกให้ดำเนินกิจการได้ ช่วงของปลายเดือนมีนาคม จนกระทั่งถึงราวๆ ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่โรงแรมวิกฤตที่สุดแล้ว ช่วงนั้นก็มีหลายโรงแรมที่ปิดตัว โดยเฉพาะโรงแรมเล็กๆ ที่มีสายป่านไม่ยาวมาก ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้ ช่วงนั้นเราก็ยังพะวงกันอยู่ว่าลูกค้าจะมาใช้บริการกันไหม ท้ายที่สุดแล้ว ปรากฎว่าหลายๆ โรงแรมไม่ได้เปิดพร้อมกันทั้งหมด บางโรงแรมที่ไม่มั่นใจ ก็ยังไม่เปิด รอดูสถานการณ์ต่อไป

 

 

 

 

 

หากเกิดการระบาดระลอก 2 จะทำให้โรงแรมกว่าครึ่งหนึ่งต้องปิดตัวลง

 

 

สถานการณ์ที่ผิดจากปกติ

 

เมื่อคลายล็อกโรงแรมที่เปิดให้บริการ ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม อาจเพราะคนไทยอั้นกับการที่ถูกกักตัว ไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็เลยถือโอกาสคลายล็อก พาครอบครัวออกท่องเที่ยว ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน  เป็นช่วงที่ห้องพักของโรงแรมที่เปิดและเต็มแทบทุกวัน ซึ่งถือว่าผิดปกติ เพราะอยู่ในช่วง Low Season ที่ชาวต่างชาติได้กลับไปหมดแล้ว ยุโรปในช่วงนี้ช่วง Summer ส่วนคนไทยช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงเปิดเทอม นักท่องเที่ยวไทยก็จะน้อยลงตามลำดับ โดยเฉพาะในช่วงของวันธรรมดา เพราะคนไทยต้องทำงาน มีแค่สุดสัปดาห์อย่างเดียว ที่มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักใช้บริการอยู่

 

ความท้าทายใหม่

 

โรงแรมโดยปกติแล้ว ถึงจะเป็นสถานการณ์ปกติหรือไม่ก็ตาม ณ ปัจจุบัน มีราคาแพ็กเกจต่างๆ นานา ออกมาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว  ปีนี้พิเศษตรงที่รัฐบาลมีมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในส่วนของภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ก็คาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จ ช่วงของเดือนนี้และเดือนถัดไปก็น่าจะดีกว่าปัจจุบัน ที่เป็นอยู่ตอนนี้

Huahin-หัวหิน

 

Huahin-หัวหิน

 

 

Very Low

 

โรงแรมที่อยู่รอบๆ กรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา เพชรบุรี หรือแม่แต่เพชรบูรณ์ อันนี้ได้รับอานิสงค์ที่ดี จากการมาใช้บริการของนักท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวสามารถขับรถถึงง่าย ส่วนโรงแรมที่อยู่ไกล เช่น สมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ ยังคงได้รับผลกระทบมาก เพราะไกล และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างสูง จากที่ปกติก็ Low Season อยู่แล้ว ก็เลยเป็น Very Low มากขึ้นอีก ตอนนี้ก็อยู่ที่สายป่านของแต่ละโรงแรม ว่าจะอยู่ได้นานขนาดไหน

 

ความคาดหวังกับมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน"

 

เราคาดหวังว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับจาก นักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างดี จริงๆ แล้วก็ยังมีความกังวลในความคาดหวัง หากโครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้รับความนิยม เราอาจจะต้องมองต่อว่าในส่วนของผู้คนคงไม่มีเงินที่จะจับจ่ายใช้สอย หรือเดินทางท่องเที่ยวตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้ ซึ่งในความหวัง ก็ยังชั่งใจในสิ่งที่มันอาจตรงข้ามกันก็ได้

 

กังวลเรื่องการระบาดระลอก 2 หรือไม่

 

จริงๆ นอกจากธุรกิจโรงแรมแล้ว ทุกธุรกิจน่าจะพะวงว่าในอนาคตจะมีรอบ 2 เกิดขึ้นอีกไหม ถามว่าถ้ามันเกิดขึ้น แล้วจะเป็นอย่างไร คิดว่าคงแย่มากๆ รัฐบาลจะหาเงินจากไหนที่จะเอามาอัดฉีด ให้เข้าสู่กระบวนการปกติในความเป็นอยู่ของประชาชน แล้วเราจะไปอย่างไรต่อ ที่ผ่านมารัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคสาธารณสุขทำได้ดีมาก ดูแลไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้อ ลุกลาม กระจายไปตามภาคต่างๆ ของประเทศ ที่ผ่านมาเราสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวต่างชาติได้เยอะมาก

ถ้าไม่เกิดระลอก 2 แล้วเรามีวัคซีนป้องกันและรักษาได้ เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก สนใจเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีก ตรงกันข้ามความไม่น่าเชื่อถือจะเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกของนักท่องเที่ยว ก็คาดหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นก็คงแย่ที่สุดแล้วสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ใช่เพียงธุรกิจท่องเที่ยว การโรงแรม เพียงอย่างเดียว

 

เผาจริง เผาหลอก

 

ช่วงปลายเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ทุกคนอาจจะเห็นว่า โรงแรม โดยเฉพาะในหัวหินและพัทยา คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยเต็มไปหมด โรงแรมส่วนใหญ่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องบอกว่าโดยปกติแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ใช่ Covid-19 ช่วง พฤษภาคม-มิถุนายน แม้แต่กรกฎาคม เป็นช่วงที่ Low ที่สุดแล้วสำหรับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว แต่ปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลสั่งปิดเพื่อล็อกดาวน์ ช่วงเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิงต่างๆ ปิด จึงทำให้คนไทยรู้สึกอึดอัดและอัดอั้น

เมื่อรัฐบาลประเมินสถานการณ์แล้วว่าการแพร่ระบาดภายในประเทศลดต่ำลงจนถึงไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ และมีความปลอดภัยสูงที่จะคลายล็อก ด้วยความอัดอั้นตรงนั้น ทำให้ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มิถุนายน เป็นต้นมา ประชาชนก็หลั่งไหลกันเข้ามาท่องเที่ยวกันเต็มที่

 

ภาพลวงตา

 

จริงๆ แล้วก็เหมือนภาพลวงตา โดยปกติมันไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งคราวนี้มันไม่ปกติ  พอมันไม่ปกติ เราจะคาดหวังในอนาคตต่อว่ามันจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ ธุรกิจเราแน่นอนว่ามันก็แย่ลงไปเรื่อยๆ เราไม่สามารถที่จะค้าขายกับชาวต่างชาติได้ ไม่ปกติเหมือนที่ผ่านๆ มา ในอนาคตอันใกล้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็เป็นเรื่องค่อนข้างยากสำหรับการประเมินสถานการณ์ นักท่องเที่ยวจะยังคงเดินทางท่องเที่ยวเหมือนช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ หลายคนก็คงจะมีงบในส่วนหนึ่งที่สามารถท่องเที่ยวได้ครั้งหนึ่งที่ผ่านมา หลายคนมีเพียงพอแค่เที่ยวครั้งเดียวก็หมดแล้ว ไม่มีครั้งที่ 2 หรือ 3

เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีความรู้สึกผ่อนคลายหรือความรู้สึกปลอดภัยแล้ว ในส่วนของการกลับมาครั้งใหม่ของการเปิดกิจการ หลังจากนี้ไป เศรษฐกิจดิ่งลงไปเรื่อยๆ เราก็ภาวนาว่าจะไม่เกิดระลอก 2 ถ้าเกิดรอบ 2 ขึ้น เชื่อว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ อีกกว่าครึ่งคงจะต้องปิดตัวลง โดยที่จะไปต่อไม่ได้ เพราะว่าสายป่านแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ตรงนี้ถือว่าน่ากลัวมาก มารอลุ้นว่าอย่างน้อยก็น่าจะปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจนกว่าเราจะมีวัคซีนที่จะมาใช้ป้องกันและรักษาได้

 

คิดอย่างไรกับคำว่า New Normal

 

คำว่า New Normal ก็ยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ สำหรับส่วนตัวแล้ว คำว่า New Normal อาจไม่ใช่กับสถานการณ์ปัจจุบันซะทีเดียว ปัจจุบันน่าจะใช้ว่า Not Normal มากกว่า เพราะมันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ระลอก 2 ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งตรงนี้อยากให้ทุกคนตระหนักว่านี่ไม่ใช่ New Normal นะ แต่เป็น Not Normal เพราะมันไม่ปกติ

ระลอก 2 อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้าการ์ดตก ก็เกิดความเสี่ยงเกิดขึ้น ในส่วนของประชาชนการ์ดต้องไม่ตก เพื่อป้องกันและดูแลไม่เกิดการแพร่ระบาด

Huahin-หัวหิน

HuaHin-หัวหิน

Huahin-หัวหิน