svasdssvasds

มะม่วง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด

มะม่วง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด

คนไทยมักมองว่า มะม่วง เป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย จนบางครั้งลืมนึกไปว่า เจ้าผลไม้ทั่วโลกเรียกกันว่าเป็นคิงส์ออฟฟรุท หรือราชาแห่งผลไม้นี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว

ถึงหน้าร้อนจะยังมาไม่ถึง แต่เมืองไทยก็ร้อนแทบจะทุกฤดูอยู่แล้ว เราจึงเห็นผลไม้หน้าร้อนอย่างมะม่วงเกือบทั้งปี ทั้งในตลาดสดและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปจนคุ้นแต่ ทำให้หลายคนอาจละเลยไปว่า มะม่วง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

ถึงแม้ว่า มะม่วง จะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง โดยมะม่วงหนึ่งถ้วยมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตประมาณ 25 กรัมและมีปริมาณแคลอรี 100 แคลอรี แต่ประโยชน์ของมะม่วงก็มีมากด้วยเช่นกัน

อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้

มะม่วงมีสารพอลิฟีนอลอยู่หลายชนิด สารประกอบนี้เป็นสารต้านอนุมูนอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายในระดับดีเอ็นเอ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคที่เกิดจากการเสื่อมถอยของอวัยวะ รวมถึงโรคเบาหวานประเภทสองและโรคมะเร็ง ในงานวิจัยที่ใช้สัตว์ในการทดลอง สารต้านอนุมูลอิสระของมะม่วง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม

ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกาย

มะม่วงหนึ่งถ้วย ประกอบด้วยวิตามินเอ ¼ ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน วิตามินเอ จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดของระบบภูมิต้านทาน รวมถึงการผลิตและการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว หากร่างกายไม่ได้รับวิตามินเออย่างพอเพียง จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ช่วยบำรุงผิวและสุขภาพของเส้นผม

วิตามินเอในมะม่วงมีส่วนช่วยพัฒนาและบำรุงเนื้อเยื่อหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เส้นผม และต่อมไขมัน ซึ่งอยู่ติดกับรูขุมขนของหนังศีรษะ และเป็นตัวที่ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี ในงานวิจัยที่ใช้สัตว์ในการทดลอง การขาดวิตามินเอมีความเชื่อมโยงกับอาการขนร่วง นอกจากนี้ มะม่วงหนึ่งถ้วย ยังประกอบด้วยวิตามินซี 75% ของปริมาณขั้นต่ำที่ควรบริโภคในแต่ละวัน วิตามินซีจำเป็นในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง และช่วยป้องกันริ้วรอยและความเหี่ยวย่น

อาจช่วยอาการท้องผูก

ในการศึกษาคนที่ท้องผูกเรื้อรัง พบว่าการกินมะม่วงช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เทียบเท่ากับการกินไฟเบอร์ในปริมาณเท่ากัน อย่างไรก็ตาม มะม่วงเป็นอาหารที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติสูง ดังนั้น จึงอาจก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะ โดยเฉพาะกับคนที่เสาะท้องได้ง่าย

ช่วยให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดดีขึ้น

อาจฟังไม่น่าเป็นไปได้ที่ผลไม้หวานอย่างมะม่วง จะช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดดีขึ้น แต่มีข้อสรุปจากการทดลองนำร่อง ที่พบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยที่มีน้ำหนักเกิน และกินมะม่วงสดประมาณครึ่งลูกเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงกว่าก่อนเริ่มทำงานวิจัย

นักวิจัยคาดว่า อาจเกิดจากการทำงานของ สารต้านอนุมูนอิสระในมะม่วง ซึ่งต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป

ช่วยบำรุงสายตา

สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อลูทีนและซีแซนทินในมะม่วง ช่วยบำรุงสายตา ปกป้องเรตินาและเลนส์ตา ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยของการมองเห็น ลดความรำคาญตาจากการเพ่งจ้อง ทำให้ตาเห็นสีที่แตกต่างชัดเจนขึ้น และลดระยะเวลาที่ตาใช้ฟื้นตัว เมื่อต้องจ้องแสงสว่างจ้า นอกจากนี้ ยังปกป้องดวงตาจากแสงอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตราย และช่วยชะลออาการภาวะต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมไม่ให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว

วิธีกินมะม่วง

โดยทั่วไป คนไทยนิยมกินมะม่วงกับน้ำปลาหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง และยำมะม่วง ส่วนในวัฒนธรรมอื่น ๆ นั้น ก็มีวิธีกินมะม่วงอีกหลายแบบที่น่าลอง เช่น การปั่นมะม่วงใส่สมูทตี้ การใส่มะม่วงในสลัดผัก หรือแม้แต่การผสมกับธัญพืช เช่น คีนัว แต่ไม่ว่าจะกินด้วยวิธีใด มะม่วงก็ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีความอร่อยไม่แพ้ผลไม้อื่นใดเลย