ศาลไม่วินิจฉัยทหารยิง'ชัยภูมิ ป่าแส'เกินกว่าเหตุ ด้านทนายจี้ขอภาพวงจรปิด

ความคืบหน้าคดีที่ทหารวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ ที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อ 17 มีนาคม 2560 โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าผู้ตายมียาบ้า 2,700 เม็ด และจะปาระเบิดใส่ จึงต้องวิสามัญนั้น

ล่าสุดวันนี้ ( 6มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 13 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งที่ ช 19/60 ในคดีชันสูตรพลิกศพของนายชัยภูมิ ป่าแส ที่มีพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้ร้อง โดยมีกลุ่มญาติของนายชัยภูมิและทีมทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟังจนเต็มห้องพิจารณาคดี ทำให้ศาลต้องแจ้งให้เฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในห้องพิจารณาคดีเท่านั้น

นายรัษฏา มนูรัษฏา ทนายความในคดีนี้ เปิดเผยว่า ในการไต่สวนการตายหรือชันสูตรพลิกศพ ศาลมีคำสั่งชี้ข้อเท็จจริงว่า นายชัยภูมิเสียชีวิตเพราะถูกพลทหารสุรศักดิ์ รัตนวรรณ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง ถึงแก่ความตาย พร้อมระบุสถานที่การเสียชีวิตที่ด่านบ้านรินหลวง ส่วนประเด็นโต้แย้งที่ฝ่ายอัยการผู้ร้องอ้างว่า พลทหารสุรศักดิ์จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว เพราะนายชัยภูมิจะใช้อาวุธมีดทำร้าย และจะใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าหน้าที่นั้น ศาลไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้ / อย่างไรก็ตามคำสั่งศาลในวันนี้ไม่ตัดสิทธิ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตในการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง โดยไม่จำเป็นต้องรอผลจากคดีอาญา ขณะที่ทีมทนายความจะยังคงพยายามให้ข้อเท็จจริงสู่ศาลมากที่สุด คือ การมีภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าสู่สำนวนคดี โดยเฉพาะภาพจากล้องวงจรปิดจากทหาร ที่ไม่ได้ถูกนำมาสู่การไต่สวนในชั้นศาล

[caption id="attachment_279044" align="aligncenter" width="840"] นายรัษฏา มนูรัษฏา ทนายความ[/caption]

ด้าน นายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ ผู้ดูแลนายชัยภูมิ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ผ่านมานานกว่า 1 ปี แต่ยังไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ ขณะที่คำสั่งศาลในวันนี้ ไม่ได้ระบุว่านายชัยภูมิตายเพราะผลจากการปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ทำให้ทางครอบครัวยังคงสับสน จึงต้องปรึกษากับทนายความอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

[caption id="attachment_279070" align="aligncenter" width="840"] นายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่[/caption]