svasdssvasds

Breaking News: ศาล ปค.กลาง ชี้ กสทช.พักใช้ใบอนุญาต พีซทีวี ไม่ชอบทำไม่ครบขั้นตอน

Breaking News: ศาล ปค.กลาง ชี้ กสทช.พักใช้ใบอนุญาต พีซทีวี ไม่ชอบทำไม่ครบขั้นตอน

ศาลปกครองกลาง พิพากษา เพิกถอนมติ กสทช.-กสท. ที่พักใช้ใบอนุญาตพีซทีวี ยังให้คำสั่งชะลอการพักใช้ใบอนุญาตมีผลจนกว่าคดีถึงที่สุด คดียังรอลุ้นอุทธรณ์ ขณะที่ศาลไม่ตัดสิทธิ กสทช.สอบสวนปมพีซทีวีใหม่ได้

21 มิ.ย.62 ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลมีคำพิพากษาคดีดำ 1163/2558 เป็นคดีหมายเลขแดง 716/2562 ที่ บริษัทพีซ เทเลวิชั่น จำกัด นายจุตพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้ดำเนินรายการ มองไกล ซึ่งเผยแพร่ภาพและออกอากาศช่องรายการ พีซทีวี ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00น. 11.00น. ที่มีรูปแบบเป็นการนำเสนอข่าวการเมือง , น.ส.อรุโณชัย ศิริบุตร, น.ส.ดกุลธิดา ช้วนกุล ,น.ส.ชุติมา กุมาร และน.ส.ณิชชนันทน์ แจ่มดวง ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ดำเนินรายการและผู้ประกาศข่าวในรายการต่างๆ ของช่องรายการ พีซทีวี ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และสำนักงาน กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3

โดยผู้ฟ้องทั้งหก กลุ่มพีซทีวี ระบุในคำฟ้องว่า บจก.พีซ เทเลวิชั่น ผู้ฟ้องที่ 1 ได้ออกอากาศ รายการมองไกล ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ยูดีดี ช่องรายการพีซ ทีวี เมื่อวันที่ 18 เม.ย.58 หลังมีการออกอากาศรายการดังกล่าว คณะทำงานติดตามสื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีหนังสือแจ้ง กสท. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ว่า เนื้อหารายการดังกล่าวมีลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างความแตกแยกในราชอาณาจักร ต่อมา กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ได้พิจารณาแล้วมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการพีซ ทีวี ของผู้ฟ้องที่ 1 และให้บริษัทวีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องที่ 1

ซึ่งผู้ฟ้องทั้งหก เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติดังกล่าว และให้ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมทั้งมีคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา

ทั้งนี้ระหว่างการพิจารณาคดี ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งทุเลา การบังคับตามมติของ กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่พักใช้ใบอนุญาตหรือสิทธิในการออกอากาศช่องรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวีไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ขณะที่ข้อพิพาทว่า การกระทำของ กสทช. มีมติพักใบอนุญาตของช่องรายการพีซทีวีนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลปกครองกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองก่อนมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตฯของ กสทช. ผู้ฟ้องที่ 1 นั้น กสท. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 และ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 3 ไม่ได้แจ้งให้ บจก.พีซ เทเลวิชั่น ผู้ฟ้องที่ 1 ทราบถึงคำร้องเรียน และไม่ได้ให้โอกาสผู้ฟ้องที่ 1 ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งในชั้นการรวบรวมข้อเท็จจริงของ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 3 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการแจ้งสิทธิและหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง ตลอดจนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาและพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องที่ 1 ทราบตามความจำเป็นที่จะทำให้ผู้ฟ้องที่ 1 มีโอกาสโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน ดังนั้นจึงเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ.2556

นอกจากนี้ ที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 อ้างว่า การนำเสนอเนื้อหารายการมองไกล ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมภายใต้สภาวการณ์ที่รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จึงอาจเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะได้นั้น กรณีก็ไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงใดเกิดจากการเสนอรายการดังกล่าวที่เข้าลักษณะมีความจำเป็นรีบด่วนที่หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือจะกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งจะเข้าข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 30 วรรคสอง ที่ไม่ต้องให้โอกาสคู่กรณีโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน ดังนั้น จึงเป็นการพิจารณาทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นผลทำให้มติของ กสท. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 14/2558 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.58 ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการ พีซ ทีวี ของผู้ฟ้องที่ 1 และให้บจก.วีซายน์ เทเลคอม ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ผู้ฟ้องที่ 1 นั้นก็เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที่ บจก.พีซ เทเลวิชั่น ผู้ฟ้องที่ 1 มีคำขอให้ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เมื่อศาลยังไม่ได้วินิจฉัยเนื้อหาการกระทำความผิดตามที่ถูกร้องเรียนว่า ผู้ฟ้องที่ 1 กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศของ กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1ในการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ ประกอบกับแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติที่ให้ลงโทษทางปกครองในคดีนี้ แต่ก็ไม่เป็นการตัดอำนาจของ กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่จะดำเนินกระบวนการพิจารณาทางปกครองแก่ผู้ฟ้องที่ 1 ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องกำหนดได้ ดังนั้นกรณีจึงยังไม่อาจถือว่า กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ กสท. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 กระทำละเมิดให้ผู้ฟ้องที่ 1 ได้รับความเสียหาย และไม่อาจพิพากษาให้ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องที่ 1 ได้

ศาลปกครองกลาง จึงพิพากษาให้เพิกถอนมติของ กสท. ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 14/2558 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.58 ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการ พีซ ทีวี ของผู้ฟ้องที่ 1 และให้ บจก.วีซายน์ เทเลคอม ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องที่ 1 โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่ออกคำสั่ง (ปี 2558) แต่ทั้งนี้ศาลไม่ตัดสิทธิที่ กสทช. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จะดำเนินการสอบสวนใหม่ได้ ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และศาลยังคงให้คำสั่ง ทุเลาการบังคับพักใช้ใบอนุญาตหรือสิทธิในการออกอากาศช่องรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวี นั้นมีผลต่อไปจนกว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดด้วย โดยคดีนี้คู่ความยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน

 

related