svasdssvasds

“แรมโบ้อีสาน”-“เสี่ยป้อ”แค้นฝังหุ่น (1)

“แรมโบ้อีสาน”-“เสี่ยป้อ”แค้นฝังหุ่น (1)

การกลับมาของ แรมโบ้อีสาน ที่ไม่เพียงแค่หวลคืนสู่เส้นทางการเมืองธรรมดา แต่กลับมาแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ หันหลังให้พรรคเพื่อไทย ไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เล่นบท”หัวหมู่ทะลวงฟัน” มุ่งยึดพื้นที่อีสาน

ไม่ใช่แค่ปมขัดแย้งระหว่าง (ว่าที่)ผู้สมัคร ส.ส.ด้วยกันเอง ในพื้นที่โคราช ระหว่างสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กับนายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และนายพรชัย อำนวยทรัพย์ เท่านั้น

แต่การยื่นร้องให้ยุบพรรคภูมิใจไทย กับการแจ้งความกลับคืน รวมกระทั่งการเปิดวิวาทะกล่าวหาตอบโต้กันนัวเนียบนหน้าสื่อ ถูกโยงไปถึงปมขัดแย้งที่ใหญ่กว่านั้น และไม่เพียงระหว่างพรรคใหญ่กับกลุ่มการเมืองใหญ่ที่มีข่าวปรากฏบนหน้าสื่อแทบทุกวันขณะนี้ ยังเป็นเรื่อง”แค้นฝังหุ่น”ที่รอเวลามานานอีกต่างหาก

นายสุภรณ์ เจ้าของฉายา”แรมโบ้อีสาน” ประวัติบนเส้นทางการเมืองถือว่าไม่ธรรมดา แม้จะเคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเพียง 2 สมัย ปี 2544 และ 2548 ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เมื่อปี 2550 เนื่องจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบ และเขาเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค

หลังจากนั้น ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่ม นปช. ในฐานะแกนนำสไตล์ฮาร์ดคอร์ ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่งรัฐบาลสั่งกระชับขอคืนพื้นที่เมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 และแกนนำ นปช. ต้องประกาศสลายการชุมนุมในอีก 7 วันถัดมาที่เวทีสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับในภายหลังว่า ได้หลบหนีไปตั้งหลักที่ประเทศเพื่อนบ้าน

ปี 2555 หลังพ้นโทษแบน 5 ปี กลับไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้รับตำแหน่งใหญ่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฝ่ายการเมือง พร้อมสร้างวีรกรรมที่ผู้คนต้องพูดถึงไว้หลายเรื่อง รวมทั้ง ลงพื้นที่ไปเจรจากับกลุ่มชาวสวนยางพาราภาคใต้ ซึ่งชุมนุมใหญ่ที่ อ.ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

นายสุภรณ์ ให้สัมภาษณ์สื่อในเวลาต่อมา กล่าวหาว่า มีนายทุนที่มีสต๊อกยางพารา เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังการปิดถนนครั้งนั้น หวังได้รับประโยชน์จากการสต๊อกยางฯ ที่มีรวมกันกว่า 27 ล้านตัน

อีกเรื่อง กรณีนำตัวนายเต้ย จักราช อายุ 23 ปี อ้างว่าเป็นอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สังกัดกรมทหารพรานที่ 42 อ.เทพา จ.สงขลา ปูดข่าวขนอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ บริเวณถนนราชดำเนิน ก่อนที่ต่อมา จะเอ่ยปากขอโทษ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาค 4 ขณะนั้น หลังจาก การตรวจสอบแล้วไม่พบว่า นายเต้ยเป็นกำลังพลในสังกัดแต่อย่างใด

ช่วงต้นเดือนเมษายน 2557 นายสุภรณ์ กลับมาเป็นข่าวบนหน้าสื่ออีกครั้ง ในฐานะประธาน อพปช. คราวนี้เป็นประธานเปิดคอร์สฝึกการ์ดอาสาพิทักษ์ประชาธิปไตย หรือ อพปช. ภาคอีสาน รุ่นที่ 1 กว่า 1 พันคน ที่ จ.อุดรธานี มีสอนวิธีการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เตรียมพร้อมส่งไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ที่ถนนอักษะ วันที่ 5 เมษายน 2557

หลัง คสช.รัฐประหาร รัฐบาลรักษาการจากพรรคเพื่อไทย “แรมโบ้อีสาน” เข้ารายงานตัวกับทหารกองทัพภาค 2 ที่นครราชสีมา ก่อนจะสร้างเซอร์ไพร้ส์ หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 30 พฤษภาคม 2557 พานางสุ้น อัตถาวงศ์ ผู้เป็นแม่เดินทางไปที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม กล่าวคำปฏิญาณ ประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต และกล่าวชื่นชมทหารเข้ามาจัดระเบียบเพื่อให้บ้านเมืองสงบ

นายสุภรณ์หายไปจากสารบบหน้าสื่อตั้งแต่นั้น กระทั่งกลับมาเป็นข่าวสร้างความฮือฮาในวงการ หลังการเปิดตัวเดินสายของกลุ่มสามมิตร ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นแกนนำสำคัญ พร้อมภารกิจหลัก สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หลังการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า

“แรมโบ้อีสาน” จึงกลับมาใหม่ ไปกล่าวถอนคำปฏิญาณเลิกเล่นการเมืองที่อนุเสาวรีย์ย่าโม อ้างเหตุ ทนกระแสเรียกร้องให้กลับมาทำงานการเมืองจากประชาชนไม่ไหว ประกอบกับมีผู้ใหญ่เห็นคุณค่าและอยากให้กลับมาช่วยทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ซึ่งตนพร้อมร่วมงานกับกลุ่มสามมิตร

นอกจากนี้ ยังระบุเหตุผลการลาออกจากพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 เนื่องจากผู้ใหญ่ในพรรคไม่เคยเห็นคุณค่า และไม่เคยให้การช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ตนลำบาก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากอดีต ส.ส.เพื่อไทย รวมทั้งแกนนำ นปช.ที่ซัดกระหน่ำใส่นายสุภรณ์ เปลี่ยนข้างและอุดมการณ์ทางการเมือง จากที่เคยหนุนยิ่งลักษณ์ ต้านทหาร กลับไปหนุนทหารและ”บิ๊กตู่”

“แรมโบ้” ยังสวมบท”หัวหมู่ทะลวงฟัน” ด้วยการออกโรงแฉและยื่นเรื่องต่อ กกต.โคราช เมื่อ 3 กันยายน 2561 ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย กรณีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค คือ”เสี่ยป้อ” นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เจ้าของโรงงานแป้งมันเอี่ยมเฮง นักธุรกิจพันล้าน และนายพรชัย อำนวยทรัพย์ สจ.นครราชสีมา เขตอำเภอครบุรี ใช้ อสม.ล่าเก็บบัตรประจำตัวประชาชนในพื้นที่ อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี เพื่อเตรียมการสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เข้าข่าย ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง และผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือไม่

ความจริง”เสี่ยป้อ” หรือ “กำนันป้อ” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนักธุรกิจใหญ่ในโคราช เป็นเจ้าของกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลังที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน เป็นกรรมการสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เสิงสาง และเป็นกำนัน ต.กุดโบสถ์ อ.เสิงสาง

ตระกูล”หวังศุภกิจโกศล”ก็เคยเป็นทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ในนครราชสีมา เช่นเดียวกัน และยังรู้จักกับ”แรมโบ้อีสาน”เป็นอย่างดี

(ต่อ “แรมโบ้”-“เสี่ยป้อ”แค้นฝั่งหุ่น 2)

related