svasdssvasds

อย่าให้ อำนาจและบารมี อยู่เหนือความถูกต้อง

อย่าให้ อำนาจและบารมี อยู่เหนือความถูกต้อง

ในเวลาที่การเมืองประเทศไทยเริ่มมีความชัดเจนในหลายๆด้านมากขึ้น แต่ความชัดเจนในฐานะ ผู้เล่น กับ กรรมการ ในบางส่วนยังดูเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยไม่น้อยเช่นกัน

ใกล้ถึงวันที่ 29 กันยายน 2561 วันประชุมผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคที่มีแนวโน้มชัดเจนว่า สนับสนุน”บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 2

สายตาผู้คน ทั้งคอการเมืองพันธุ์แท้ นักการเมือง พรรคการเมือง และกองเชียร์กองหนุนทั้งหลาย ต่างจับจ้องไปยังงานนี้แบบไม่กระพริบตา

ไม่ใช่เพราะมีนักการเมืองชื่อดังมากหน้าหลายตา ที่โดนดูดเข้าสังกัดพรรคนี้จากหลายสาย อาทิจากกลุ่มสามมิตร กลุ่มการเมืองตระกูลดังอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มบิ๊กสีเขียว พร้อมเงื่อนไขการสนับสนุนด้านน้ำเลี้ยง การได้อยู่ร่วมขั้วรัฐบาลบริหารประเทศต่อ จะมีตำแหน่งทางการเมือง หรือแม้แต่เรื่องคดีความทางการเมือง

เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีปรากฏเป็นข่าวคราวเหล่านี้บนหน้าสื่อ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลหลายๆชุดก็ใช้วิธี "ดูด" นักการเมืองเข้าสังกัดเช่นเดียวกัน เพื่อให้ได้ ส.ส.มากกว่าใครเพื่อน และนำไปสู่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

สะท้อนให้เห็นวิธีคิดที่ยังเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือจะมีการยกระดับและปฏิรูปการเมืองตามที่มักกล่าวอ้าง ไม่ว่ารัฐบาลนั้น จะมาจากวิธีใดก็ตาม

คล้ายกับจะพยายามชี้ว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น

แต่สาเหตุหลักที่ผู้คนให้ความสนใจไปที่การประชุมผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องคนที่จะเข้าไปขับเคลื่อนเป็น(คณะ)ผู้บริหารพรรค ซึ่งมีข่าววงในกระเซ็นกระสายมาเป็นระยะๆว่า จะมีระดับรัฐมนตรีในรัฐบาล "บิ๊กตู่" ลาออกจาก ครม. เพื่อไปรับงานอันสุดแสนท้าทายในพรรคนี้

เริ่มจากนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีฯ อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีฯ พาณิชย์ นอกจากนั้นยังมีชื่อนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีฯ วิทยาศาสตร์ฯ และล่าสุด นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล หรือด๊อกเตอร์ กอบศักดิ์ของพี่น้องสื่อมวลชน คนที่ปลุกให้รายการ "เดินหน้าประเทศไทยวันเสาร์" กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวา โดยการเชิญดารานักร้องคนดังมาร่วมดำเนินรายการ

ข่าวเตรียมลาออกจาก ครม.ไปรับตำแหน่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีออกมาเป็นระลอกๆ เช่นเดียวกับรัฐมนตรี 2 คนแรกที่จะเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ก็ปฏิเสธทุกครั้ง ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่ง อาจจะยังไม่ถึงเวลา แต่เมื่อเวลาขยับเข้าใกล้ไทม์ไลน์ อาจเกิดอาการสองจิตสองใจ เพราะต้องทิ้งเก้าอี้ใหญ่รัฐมนตรี ที่มีภาระหน้าที่หลักดูแลประชาชน เปลี่ยนไปทำหน้าที่ดูแลนักการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ ล้วนแต่ระดับเสือ สิงห์ กระทิง แรด และมี "คอก" สังกัด ของนักการเมืองขาใหญ่ทั้งนั้น

และด้วยอาการอิดออดนี่เอง ที่นำไปสู่กระแสข่าวฝ่าทางตัน โดย ดร.วิษณุ เครืองาม มือกฎหมายรัฐบาล ที่จู่ๆประกาศเปรี้ยง ..."รัฐมนตรีไปทำงานการเมือง ไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งก็ได้"

ขานรับด้วยคำให้สัมภาษณ์ของ "บิ๊กตู่" ผู้นำรัฐบาล ยืนยันไม่ผิดกฎหมาย ทั้งย้ำด้วยประโยคที่ฟังคุ้นหูว่า ทุกรัฐบาลเขาก็ทำแบบนี้

คือเป็นทั้งรัฐมนตรี มีตำแหน่งทางการเมือง ขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ควบคู่กันไปในคราวเดียวกัน

แต่ลืมไปว่า 2 กรณีนี้แตกต่างกัน ในสถานการณ์ปกติ เมื่อรัฐบาลครบวาระหรือประกาศยุบสภา รัฐบาลนั้นจะทำหน้าที่เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ และการเลือกตั้งจะมีขึ้นภายใน 45 วัน สูงสุดไม่เกิน 60 วันเท่านั้น

และเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2540 บังคับใช้ จะมีองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. เข้ามาทำหน้าที่ดูแลกำกับและจัดการเลือกตั้ง แทนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ใต้สังกัดของรัฐบาล

รวมทั้งเพื่อป้องกันความได้เปรียบเสียเปรียบของผู้เล่น รัฐบาลรักษาการจะมีอำนาจจำกัด แม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้ว่า ตำรวจ ทหาร หรือแม้แต่เรื่องงบประมาณสำคัญ รัฐบาลยังต้องขออนุญาตจาก กกต.ก่อน

ถือเป็นความก้าวหน้า พัฒนาระบบการเลือกตั้งของประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ที่ส่วนใหญ่มี กกต.เข้ามาทำหน้าที่แทนรัฐบาลรักษาการทั้งสิ้น

ขณะที่การอ้างเหตุผล ถึงเป็นรัฐบาลที่ไม่ปกติ แต่เข้ามาแล้วบริหารจัดการจนทั่วโลกยอมรับ ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น เป็นคนละกรณีกัน กับกฎ กติกา และความเหมาะสมสำหรับการเลือกตั้ง ไม่ควรใช้วิธีการที่เอาเปรียบ หรือไม่สมควร โดยอ้างไม่มีกฎหมายบังคับ หรือเป็นทั้งกรรมการและผู้เล่นในเวลาเดียวกัน

ความมุ่งมั่นและผลงานของรัฐบาล”บิ๊กตู่”ในช่วงที่ผ่านมา ถือได้ว่าสอบผ่านและได้รับการยอมรับว่า ช่วยยุติปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนอาจถึงขั้นเข่นฆ่าเพื่อชิงอำนาจกันได้ ความสำเร็จนี้ สมควรจะจดบันทึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย

แต่ไม่ควรปล่อยให้อำนาจและบารมีครอบงำความถูกต้องเหมาะสม จะสมบูรณ์ที่สุด

 

ประจักษ์ มะวงศ์สา

related