ดัน "ชัชชาติ"ขึ้นเบอร์ 1 แทน "หญิงหน่อย"

ฉับพลันที่กระแสข่าวลงพื้นที่หาเสียงของ "หญิงหน่อย"สุดารัตน์เกยุราพันธุ์ ไม่เปรี้ยงปร้างบนหน้าสื่อ เหมือนราวกับ "หมดมุก" ถึงแม้จะกล้าเล่นจริง ไม่ใช้สแตนอิน เสี่ยงทิ้งดิ่งตัวเองในวัย 58 ปีจากบนเวทีลงไปให้ "แฟนคลับ"ด้านล่างเวทีคอยรับ แต่พอใช้รูปแบบนี้ 2-3 เวทีติดต่อกัน ชักจะไม่เป็นที่สนใจของชาวสื่อและโลกโซเชี่ยล ที่หันไปจับข่าวอะไรที่ใหม่ๆเสียมากกว่า

ขนาดข่าวปชป.กับภูมิใจไทย เรื่องเก็บบัตรประชาชนคนในพื้นที่ภาคใต้พร้อมจ่ายเงิน 500 บาทล่วงหน้า ยังฮือฮาแค่วันเดียว

ข่าวใหญ่ที่คนสนใจและสื่อเกาะติดหลายวันติดต่อกัน กลายเป็นเรื่อง "สังหารโหดจ่อยิงพระ" 4 ศพที่โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส พื้นที่เชื่อมต่อเทือกเขาบูโด ซึ่งถือเป็นการกระที่โหดเหี้ยมไร้คุณธรรม ท้าทายทั้งอำนาจรัฐ และความสมานฉันท์กลมเกลียวที่พระครูสว่าง เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ได้ทุ่มเทสร้างมาเนิ่นนาน

สื่อหลักและสื่อโซเชียลต้องจับตารายงานความเคลื่อนไหวของทุกภาคส่วน รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิ ที่โดนจ้องเล่นงานข้อหาหมั่นไส้อยู่ก่อนแล้ว ท่ามกลางเสียงร้องเตือนของหลายฝ่ายที่หวั่นว่าคนไทยส่วนใหญ่จะตกหลุมพรางต้องการเสี้ยมให้เกิดปะทะกันระหว่างคนต่างศาสนิก แต่โชคดีที่เป้าหมายนี้ไม่บรรลุผล ผู้คนยังแยกแยะการกระทำของกลุ่มคนร้ายเพียงไม่กี่คนได้ ขณะที่คนอื่นๆนอกจากไม่สนับสนุนแนวทางนี้แล้ว ยังออกโรงประนามอีกต่างหาก

ขณะที่ข่าวการเมืองก็ยังไม่มีประเด็นอื่นสร้างกระแสหรือปลุกเร้าผู้คนได้มากนัก

กลุ่มคนอยากเลือกตั้งดูจะระมัดระวังการเผชิญหน้ากับกลุ่มคน "สามัคคีก่อนเลือกตั้ง" และมีท่าทีจะยื้อเรื่องนี้อีกต่อไป อย่างน้อยก็ 1 สัปดาห์ คราวนี้ ขยับออกไปเป็นวันที่ 26 มกราคมโน่น ระหว่างที่รอลุ้นสัปดาห์ใหม่ จะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯพูดไว้หรือไม่

ข่าวใหญ่ที่สอดแทรกขึ้นมา และเป็นประเด็นพาดหัวตัวไม้แทน คือพรรคเพื่อไทยเคาะเลือกนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีคมนาคม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ว่าที่นายกรัฐมนตรีแทนคุณหญิงสุดารัตน์

ส่งผลให้มีเสียงวิจารณ์และตั้งข้อสังเกตุตามมาทันควันว่า "หญิงหน่อย" ที่ช่วงหลังอุตส่าห์สวมบท "หญิงแกร่ง" เป็น"หัวหมู่ทะลวงฟัน" ลงลุยพื้นที่ช่วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงอย่างถึงไหนถึงกัน โดยไม่ต้องพึ่งประธานหาเสียงของพรรคอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะรีบส่งนายชัชชาติขึ้นนั่งบนพานเร็วขนาดนี้เชียวหรือ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก็เคยย้ำมาครั้งหนึ่งแล้วว่า เป็นคนดึงนายชัชชาติมาร่วมงานพรรคด้วยตัวเอง และจะเน้นส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในลักษณะการทำงานเป็นทีมเสียมากกว่า ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า "หญิงหน่อย" มีแบ๊คอัพแข็งโป้กจาก "นายหญิง"บ้านจันทร์ส่องหล้า ให้เป็นผู้ชูธงนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ภายหลังมีปัญหาแย่งชิงกับ "เจ๊"บางคนในตระกูลใหญ่

ดังนั้น แม้ "นายใหญ่" จะห่วงใยและเอาใจช่วย "น้องสาว"อย่างเต็มที่หลังต้องระหกระเหินไปเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ แต่อำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จในบางเรื่อง น่าจะตกอยู่กับ "นายหญิง"เสียมากกว่า

โดยเฉพาะในทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่การสู้ศึกเลือกตั้งเท่านั้น หากแต่หมายถึงถึงการประคับประคอง หรือเจรจา เพื่อรักษาสถานภาพของกลุ่มธุรกิจไม่ให้สั่นคลอนเกินกว่าที่ควรจะเป็น ประกอบกับพรรคเพื่อไทยยังมีเวลาอย่างน้อยอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะถึงช่วงกำหนดเปิดรับสมัคร ส.ส.จึงค่อยรอเคาะเลือกคนเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคก็ยังไม่สาย

จึงยังไม่แน่! อาจเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ "ลับ ลวง พราง" สำหรับตั้งค่ายกล สร้างกับดักหลุมพราง หรือสร้างความสับสนให้กับคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามก็เป็นได้

กลศึก โดยเฉพาะขั้วเพื่อไทย ยังมีความหลากหลายเสมอ