ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
กรมปทุมวันช่วงนี้ ร้อน เข้ากับอากาศเมืองไทย ที่แม้จะมีเมฆฝนมาปกคลุมเป็นระยะ แต่ก็ยังคงระอุอยู่ภายใน มันมีอะไรในกอไผ่?....
ล่าสุดก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC ) เมื่อปี 2560 โครงการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์ พร้อมติดตั้งระบบเทคโนโลยีต่างๆ จำนวน 260 คัน วงเงิน 900 ล้านบาทของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นชอบและอนุมัติลงนามคำสั่งจัดซื้อรถตรวจการณ์ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เขียนสเปคสุดหรูหราซื้อ รถ BMW 260 คัน
ความหรูไม่ได้จบแค่ยี่ห้อรถ แต่ลุกลามไปถึงภายในรถที่จัดเต็มด้วยเทคโนโลยี ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องสแกน เครื่องปริ้นเตอร์ ที่สามารถเชื่อมโยงเช็กฐานข้อมูลคนต่างด้าว ต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศกับฐานข้อมูลส่วนกลางได้ โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย (WIFI) ที่สำคัญเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในให้เกิดมลพิษ วิ่งได้ 200 กม.ต้องจอดชาร์จแบตฯ
ฟังดูก็หรูหรา ไฮเทค เชิดหน้าชูตาบ้านเราเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริง ในแง่การใช้งานจริง ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยก็ไปอยู่ไกลปืนเที่ยงถึงแนวตะเข็บชายแดน แล้วมันจะมี WIFI ให้ใช้เหรอนี่ ? ส่วนที่เชิดหน้าชูตาเรื่องรถไฟฟ้ายี่ห้อ BMW คันละราวๆ 4 ล้านบาท นั้น โดยเฉพาะสเปคชาร์จ 6 ชม. มันต้องมีแท่นเฉพาะสำหรับการควิ๊กชาร์จ มูลค่าอีกเท่าไหร่ต่อสถานีชาร์จสถานีหนึ่ง แล้วต้องมีกี่สถานีสำหรับรถ 260 คัน...!!!
อ่อ เกือบลืม ปืนไฟฟ้ากระบอกเรือนแสนที่จะนำมาประจำการ ทำให้ดูเหมือนว่านักท่องเที่ยวที่ไหลมาเทมา ปะปนไปด้วยความอันตรายจนน่าสะพรึงกลัว
สารพัดเทคโนโลยีที่จัดเต็มมานั้น ทำให้ผู้ปฏิบัติต้องระมัดระวังจนแทบไม่เป็นอันทำงานทำการ เนื่องจากของหลวงแต่ละอย่างที่ว่ามานั้น หายไป พังไปชำรุดไป ชีวิตคงต้องยุ่งกับการเขียนรายงานกันอีกยาวด้วยเพราะมูลค่ามันมหาศาลยิ่งนัก
ใครมีโอกาสผ่านเข้าออก กรมปทุมวัน อาจจะได้เห็นขาใหญ่ที่นั่น ใช้รถรุ่นที่ว่า แต่มาได้ยังไงอันนี้ไม่ทราบ
ที่แปลกใจคือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบเรื่องเหล่านี้หรือไม่ คุ้มค่าการจัดซื้อจัดหามาหรือไม่
ยัง...ยังไม่จบ
ยังมีเรื่อง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์โยเทคโนโลยี BIOMETRICS (ลายพิมพ์นิ้วมือและถ่ายภาพใบหน้า) ระยะที่1 เป็นเงิน 2,116 ล้านบาท มีกำหนดส่งมอบงานภายใน 660 วัน แบ่งการส่งมอบออกเป็น 6 งวด ครบกำหนดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 และมีการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการตรวจรับพัสดุก่อนครบกำหนดอีก
สำหรับเรื่องนี้ ลมผ่านเข้าหูล่าสุดมาว่า มีการยืดเวลาสัญญาออกไปอีก 59 วัน เท่ากับจะไปจบวันที่ 30 มิถุนายน ข้อสงสัยอยู่ที่ว่า ขยายเวลาทำไม ? ที่ต้องสงสัยก็เนื่องจาก การขยายเวลา รัฐเป็นผู้เสียประโยชน์ ก็เลยอยากทราบเหตุและผล เป็นธรรมดา
เรื่องร้อนๆ เหมือนจะสุมฟืนจนแยกปทุมวันอบอ้าว ความร้อนแบบนี้ทำให้ต้องจับตาดูหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายว่าจะก้าวเข้ามาอาสาคลายร้อนกันเมื่อไหร่ ทั้ง สตง. ป.ป.ช. จะนิ่งกันอยู่อีกนานแค่ไหน หรือต้องรอให้ฟ้าผ่าลงมาก่อนถึงจะรับลูก
งั้นมีอะไรในกอไผ่ ก็บอกได้เลยว่า ไวๆนี้ อาจมีฟ้าผ่ากลางกรมฯ รอชมด้วยใจระทึก...