svasdssvasds

เผด็จการทหาร VS เผด็จการรัฐสภา โดย บอน ณ บางแก้ว

เผด็จการทหาร VS เผด็จการรัฐสภา โดย บอน ณ บางแก้ว

“ไม่เลือกเราเขามาแน่.. // แพ้แน่ๆ ถ้าพ่อแม่ไม่ช่วย // จำลอง..พาคนไปตาย // อยากใช้ผม เลือกผม..”

วาทกรรมต่างๆ เหล่านี้ คงคุ้นหูกันเป็นอย่างดีสำหรับคอการเมือง เพราะเป็นวรรคทองที่ถูกโยนออกมาในช่วงจังหวะท้ายๆ ของการเลือกตั้งในอดีต จนทำให้เกิดการได้เสีย ตัดสินแพ้/ชนะกันมาแล้ว และครั้งนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน คงมีการประดิษฐ์คำ ปล่อยของ ประเภททิ้งหมัดเข้ามุม หรือตีหัวเข้าบ้านเหมือนกับทุกครั้ง..

“24 มีนา จับปากกาฆ่าเผด็จการ”

เริ่มเห็นเงาตะคุ่มๆ มาแต่ไกล วาทะกรรมเรื่อง”เผด็จการ –ประชาธิปไตย” ไม่แคล้วที่จะถูกนำมาเป็นประเด็นโต้ตอบกันในช่วงโค้งสุดท้าย..

ฝ่ายหนึ่งเป็นขั้วที่มีหัวเรือใหญ่ คสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนอตัวลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นจากคนในรัฐบาล คสช.เพื่อสานต่อภารกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถูกจัดวางไว้ในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ จนเกิดเป็นวาทกรรมตีกินในเวลาต่อมาว่า

รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนขึ้นมาเพื่อพวกเรา?!

เพราะที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ในบทเฉพาะกาล ตามด้วยคำถามพ่วงให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง การเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีจากนอกบัญชีพรรคการเมืองได้(คนนอก) ล้วนเป็นคำขยายข้อความข้างต้นทั้งสิ้น

และยิ่งมีการหลุดคำพูด “เรามี 250 เสียงตุนเอาไว้แล้ว ขออีกแค่ 126 เสียง ก็โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้แล้ว” กลายเป็นคำพูดตอกฝาโลงการสืบทอดอำนาจ! ที่ถูกเตรียมการมาตั้งแต่ต้น ถึงแม้จะไปโพนทนา ปฏิเสธผ่านทุกเวทีไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แค่ต้องการมาทำงานให้ประเทศเดินหน้า ไม่ต้องการให้สิ่งที่ทำไว้ 3-4 ปี ต้องเสียของ

แต่จากพฤติกรรม พฤติการณ์ที่ผ่านมา ทำให้คำว่า สืบทอดอำนาจ กับคำว่าต้องการให้ประเทศเดินหน้า แทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน จนหาเส้นแบ่งไม่เจอ!

ส่วนอีกฝ่ายแม้จะเอ่ยอ้างเป็น ”ฝ่ายประชาธิปไตย” แต่ก็ถูกประทับตราด้วยคำว่า ”เผด็จการ” ต่อท้าย และที่ฟังมากันจนชินหู คือ เผด็จการรัฐสภา! ใช้เสียงข้างมากลากจูง ออกนโยบายสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง จนประเทศแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แก้ไขกฎหมาย ครอบงำองค์กรอิสระสารพัด!

ตลอดเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งในระบบรัฐสภา ถูกตราหน้าและสร้างภาพให้เป็นผู้ร้ายมาตลอด ผ่านมาถึงวันนี้ยังไม่สามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ดีๆ ให้กลับคืนมาได้ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น

ทว่าตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีนักการเมืองที่ว่าอยู่ในรัฐบาล คสช.แม้แต่คนเดียว แต่ปัญหาการทุจริตโกงกิน ก็ไม่ได้ลดลง แถมพฤติกรรมในหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้น รอดูการแลกหมัดของฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายเผด็จการในช่วงโค้งสุดท้าย

ท้ายสุดจะเหลือเพียงฝ่ายเอา”ประยุทธ์”กับไม่เอา”ประยุทธ์” และฝ่ายเอา”ทักษิณ”กับไม่เอา”ทักษิณ”เท่านั้นแหล่ะครับ.

related