ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนหลัง “ปาบึก”ถล่ม การหวังผลทางการเมืองแต่สวยงาม

หลังพายุโซนร้อนปาบึก ขึ้นฝั่งพร้อมหอบเอาลมฝนซัดถล่มหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก เพราะต้องเริ่มต้นซ่อมแซมฟื้นฟูกันใหม่

แต่ท่ามกลางวิกฤติ เราก็ได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ ทหาร พลเรือน อาสาสมัคร และกู้ภัยต่างๆ ลงพื้นที่ตระเตรียมรับมือมหาวาตภัยล่วงหน้า มีแผนอพยพเคลื่อนย้ายผู้คนในพื้นที่จุดเสี่ยง จัดเตรียมศูนย์พักพิง ตั้งศูนย์บัญชาการและศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าอย่างพร้อมเพรียง กระทั่งบรรลุเป้าหมายสำคัญ คือรักษาชีวิตของผู้คนก่อนเป็นลำดับแรก

จึงปรากฏตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ในอดีตอย่างมหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก ปี 2505 หรือพายุเกย์ ปี 2532 ที่มีผู้คนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ทันที่ปาบึกอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่น และเคลื่อนต่อเข้าทะเลอันดามัน ปฏิบัติการช่วยเหลือ เยียวยา บูรณะ ซ่อมแซมเรื่องด่วนเฉพาะหน้าก็เริ่มต้นทันที

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญตั้งแต่เรื่องเตรียมการ และเตือนภัยแจ้งข่าว รวมถึงการประชุมระบบทางไกลกับผู้ว่าฯและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังตั้งศูนย์บัญชาการรับมือพายุโซนร้อนปาบึกที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมระดมผู้บริหารและมีอำนาจสั่งการได้ทันทีมาร่วมประจำการที่ศูนย์

เดิมที พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเดินทางลงไปในพื้นที่เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แต่ติดขัดที่สภาพอากาศยังปิด และจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปรอต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ สุดท้ายจึงเลื่อนการเดินทางเป็นวันที่ 7 มกราคม 2562

โดยกำหนดออกเดินทางเวลา 07.00 น. จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช จากนั้นเวลา 9.00 น. นายกฯและคณะ เดินทางไปยังริมน้ำเมืองเก่าปากพนัง อ.ปากพนัง เพื่อพบปะจิตอาสาและปล่อยแถวจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ “Big Cleaning Day”

ก่อนจะเดินทางไปสามแยกเนินตาขำ ต.บางพระ อ.ปากพนัง เพื่อมอบถุงยังชีพและพบปะผู้ประสบภัยจำนวน 2,000 คน จากนั้นเดินทางไปตรวจสภาพความเสียหายที่แหลมตะลุมพุก ก่อนเดินทางต่อไปยังโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียนให้กับเด็กนักเรียน และรับประทานอาหารที่นั่น

ช่วงบ่าย ออกเดินทางไปยังหมู่ที่ 1 ต.ปากนคร เทศบาลตำบลปากนคร เพื่อตรวจเยี่ยมการซ่อมสร้างบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายและพบปะประชาชน แล้วลงเรือข้ามฟากไปยังหมู่ที่ 4 ต.ท่าไร่ อ.เมือง นครศรีฯ เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัยริมคลองปากนคร

กลับถึงกรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปร่วมรายการ “รวมน้ำใจไทยช่วยวาตภัยใต้” ซึ่งพล.องประยุทธ์ ได้สั่งการให้จัดเป็นรายการพิเศษขึ้น ในช่วงเวลา 20.20 - 22.00 น. ที่ อสมท. ถนนพระราม 9 เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน ได้ร่วมแสดงน้ำใจช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยการร่วมบริจาคเงินเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0

ระหว่างรายการออกอากาศ นายกฯจะไปนั่งรับโทรศัพท์ รับบริจาคเงินด้วยตนเอง ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ระบบอัตโนมัติ หมายเลข 02-245-0700-19

วันที่ 7 มกราคม 2562 เช่นกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางลงพื้นที่ จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเยี่ยมผู้ประสบภัยปาบึก เช่นเดียวกัน โดยนายอภิสิทธิ์ ได้แจ้งข่าวการเดินทางครั้งนี้ ผ่านทางกลุ่มไลน์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มกราคม

พรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็น “แชมป์เก่า”หลายสมัยติดต่อกัน สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.14 จังหวัดภาคใต้ ล่าสุดในการเลือกตั้งปี 2554 ปชป.ได้ ส.ส.ในภาคใต้ทั้งสิ้น 50 ที่นั่งจากทั้งหมด 53 ที่นั่ง

แต่เลือกตั้งครั้งนี้ จะมี ส.ส.ลดลงเหลือเพียง 50 คน ขณะที่ ปชป.กำลังถูกท้าทายครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี ทั้งหลายพรรคการเมืองประกาศชูธงรบหวังปักธง ส.ส.ในภาคใต้ ทั้ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง พรรคประชาชาติ หรือ ปช. ที่มีนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้อดีต ส.ส.และนักการเมืองชื่อดังมาร่วมสังกัดหลายคน รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่นและนักธุรกิจใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยทำงานการเมืองและเป็นฐานเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์

ส่วนพรรคการเมืองที่เดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนพบปะประชาชนแล้วตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2562 คือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายคน เดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่บ้านปากนคร อำเภอเมืองนครศรีฯ พร้อมนำสิ่งของ มอบให้ผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด มีการสวมกอดให้กำลังแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อน

ส่วนพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้กำชับสมาชิกพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่แรก ให้ยุติการทำกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมดเอาไว้ก่อน และให้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที พร้อมแจ้งความประสงค์ของความช่วยเหลือจากผู้เดือดร้อนให้ตนได้ทราบโดยเร็ว

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ครั้งนี้หมายมั่นปั้นมือจะปักธง ส.ส.ในภาคใต้ให้ได้ หลังจากได้ 2 อดีต ส.ส.นราธิวาส กูเฮง และ วัชระ ยาวอฮะซัน จากพรรคชาติไทยเข้าร่วมสังกัด รวมทั้งพญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ทายาทนายเด่น โต๊ะมีนา รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เป็นผู้นำท้องถิ่น และเคยเป็นฐานเสียงให้กับ ปชป. นอกจากนี้ ยังหวังคะแนนเสียงจากผู้สมัครหลายเขตในหลายจังหวัด ที่อาจไม่ชนะเลือกตั้งเขต แต่จะมีคะแนนส่วนตัวที่สามารถนำไปคิดคำนวณเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อได้

ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ด้านหนึ่งแม้จะปฏิเสธไม่ได้เรื่องหวังผลคะแนนทางการเมือง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ได้เห็นความมีน้ำใจ จากการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและส่งมอบกำลังใจให้ จากตัวแทนของหลายพรรคการเมือง ในฐานะคนไทยด้วยกัน และจะไม่ทอดทิ้งกันเมื่อมีภัยเดือดร้อน