svasdssvasds

5 พรรคใหญ่!! แย่งเปิดนโยบาย "เอาใจเด็ก"

5 พรรคใหญ่!!  แย่งเปิดนโยบาย "เอาใจเด็ก"

หากไม่ฟังเพียงแค่วิวาทะตอบโต้กันไปมาขณะนี้ ของนักการเมืองจากหลายพรรค สิ่งที่เป็นประเด็นและน่าสนใจ ไม่แคล้วเรื่องนโยบายของแต่ละพรรค ที่นำเสนอเพื่อเรียกคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการและความช่วยเหลือแก่ประชาชน รวมทั้งเรื่องเด็กและการศึกษา ที่หลายพรรคกำลังแข่งเสนอนโยบายแบบไม่มีใครยอมใคร

อย่างพรรคพลังประชารัฐ อย่าสุดเปิดนโยบายมารดาประชารัฐ ดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์กระทั่งถึง 6 ขวบเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพและสมองที่ดี มีการพัฒนาในทุกๆด้าน

มารดาประชารัฐ จะดูแลตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ เดือนละ 3,000 บาทรวม 9 เดือน ช่วยค่าทำคลอด 10,000 บาท มีค่าเลี้ยงเลี้ยงดูอีกเดือนละ 2,000 บาท กระทั่งครบ 6 ปี รวมเงินทั้งสิ้น 181,000 บาทต่อเด็ก 1 คน

นโยบายมารดาประชารัฐ ถือเป็นการปาดหน้านโยบายของหลายพรรคการเมือง ที่ประกาศจะให้ความสำคัญกับเด็กและการศึกษาก่อนหน้านี้ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบาย"เกิดปั๊บรับแสน" ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบด้านการศึกษา

นโยบายนี้ พรรคประชาธิปัตย์ระบุพร้อมจ่ายทันที 5,000 บาทตั้งแต่เด็กคลอด จากนั้นจะมีเบี้ยเด็กเข้มแข็ง เพื่อช่วยด้านโภชนาการให้กับเด็กทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท กระทั่งถึง 8 ขวบ

นอกจากนั้น ยังจะให้เปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ มีจัดอาหารเช้าและกลางวันฟรีให้กับเด็กอนุบาลจนถึงม.3 จัดครูเจ้าของภาษามาสอนอังกฤษตั้งแต่อนุบาล ส่งเสริมการเรียนสายอาชีวะ ให้เรียนฟรีทั้งปวช.และปวส.

พรรคเพื่อไทย มีนโยบายด้านการศึกษา มุ่งพัฒนาคนให้ทันโลก ไม่ทิ้งลูกหลานไทยไว้ข้างหลัง โดยให้การดูแลเด็กตั้งอยู่ในครรภ์กระทั่งถึง 8 ขวบ ส่งเสริมเรียนฟรี 15 ปีแบบต้องได้เรียนฟรีจริง หนังสือตำราเรียนต้องได้รับการสนับสนุนฟรีจากรัฐ

เพิ่มงบประมาณและให้ความสำคัญกับเด็กปฐมวัย ยกระดับให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอัจฉริยะ 20,000 แห่ง ที่สำคัญ คือเรียนก่อนผ่อนทีหลังเมื่อมีงานทำ โดยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่จะผูกพันกับรายได้ในอนาคต นอกจากนี้ ยังมี เด็กไทยได้ 3 ภาษา ไทย อังกฤษ จีน เป็นต้น

พรรคภูมิใจไทย มีนโยบายพักหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.โดยไม่ต้องมีดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มให้เหตุผลไม่อยากให้เด็กที่เรียนจบแล้วต้องเป็นหนี้มีคดีติดตัวหางานทำไม่ได้

การใช้คืนจะเกิดขึ้นเมื่อมีงานทำมีรายได้ขณะที่การกู้ยืมก็จะปลดภาระผู้ค้ำประกันออกเพื่อเปิดช่องให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษานอกจากนี้ยังจะส่งเสริมการเรียนทางออนไลน์ให้เป็นที่ยอมรับในสังคมถึงองค์ความรู้เหมือนประเทศฟินแลนด์เพื่อขจัดข้อจำกัดทางการศึกษา

พรรคอนาคตใหม่ ชูนโยบายดูแลตั้งแต่เด็กแรกเกิด โดยเพิ่มเวลาลาคลอดเป็น 180 วัน มีเงินสนับสนุนเลี้ยงดูเด็ก อายุ 0-6 ขวบเดือนละ 1,200 บาท จัดให้มีค่าครองชีพเยาวชน อายุ 13-18 ปี เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน  ผลักดันให้เป็นรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่แค่การสังคมสงเคราะห์

นอกจากเด็กและเยาวชนแล้ว พรรคอนาคตใหม่ยังจะขยายสิทธิประกันสังคม และเพิ่มค่าครองชีพให้ผู้สูงอายุเป็นเดือนละ 1,800 บาท จากปัจจุบันเดือนละ 600-700 บาท ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป

หากมองในแง่ดี นโยบายเหล่านี้ จะเป็นประโยนชน์สำหรับเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะมอบความไว้วางใจให้กับใครหรือพรรคใด

แต่ที่น่าเป็นห่วง คือนโยบายเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้แตกต่างไปจากนโยบายประชานิยมในอดีต ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากหวังจะชนะเลือกตั้งเพื่อได้เป็นรัฐบาลอย่างเดียว

จึงเป็นที่มาของการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบ รธน. ให้นโยบายต่างๆของพรรคการเมืองที่ใช้หาเสียงต้องสามารถแจกแจงที่มาของเงินประมาณที่จะนำใช้ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา

ถ้าทำได้ถือว่าสอบผ่าน

related