svasdssvasds

เลือกตั้ง 62 ก็แค่ Begin Again Again & Again

เลือกตั้ง 62 ก็แค่ Begin Again Again & Again

ช่วงเวลาของการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นช่วงแห่งความร้อนแรงทางการเมือง อะไรไม่เคยเห็น ก็จะได้เห็น อะไรไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ ยกตัวอย่างเช่นเพลงหนักแผ่นดิน เพลงที่หายไปนาน ยังถูกขุดขึ้นมาจนดังกระหึ่มไปทั่งประเทศ

ทุกเรื่องของเพลงหนักแผ่นดิน ถูกขุดมาเล่ากันทุกแง่มุมจริงบ้างไม่จริงบ้างถูกบ้างไม่ถูกบ้างแล้วแต่คนไหนเขียนฝั่งไหนบอก

สัญญาณเหล่านี้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า กำลังเข้าสู่โหมดสงครามการเมืองเต็มรูปแบบ

แคมเปญเลือกตั้ง 62 ของสปริงนิวส์ เลือกใช้คำว่า “เลือกตั้ง 62 นับหนึ่งประเทศไทย” คำไทยยังดูกำกวมว่านับหนึ่งแบบไหน

แต่ภาษาอังกฤษคำว่า “Begin Again” ที่แปลว่าเริ่มต้นอีกครั้งหรือนับหนึ่งอีกครั้งน่าจะชัดสุด

เพราะเลือกตั้งครั้งนี้มันก็แค่นับหนึ่งกันใหม่เริ่มต้นกันใหม่หลังจากเริ่มต้นกันมานับครั้งไม่ถ้วนนับหนึ่งกันมานับครั้งไม่ไหว

นับหนึ่งใหม่กับการเลือกตั้ง หลังรัฐประหารครั้งที่ 13

เริ่มต้นใหม่กับการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 20

นับหนึ่งใหม่กับการเลือกตั้ง ที่กำลังจะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 28

บรรยากาศการหาเสียงเวลานี้สัญญาณและเสียงคำรามจากกองทัพเรื่องหนักแผ่นดินการโต้ตอบกันสร้างวาทกรรมระหว่างกันไม่ได้เพิ่งเกิด

แต่มันเกิดมาแล้วทุกครั้ง..

ครั้งนี้ มันก็แค่ Begin Again ก็แค่นั้น

ไม่รบนาย ไม่หายจน ไม่ด่าทหาร ไม่ชนะเลือกตั้ง

อีกเรื่องที่กำลังร้อนแรง หนีไม่พ้นเรื่องลดขนาดกองทัพ งบฯกลาโหม กับการเกณท์ทหาร ที่พรรคการเมืองอย่างน้อย 4 พรรค ชูขึ้นเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงเวลานี้เรื่องนี้ก็อยู่ในข่ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเสมอในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง

 

ในอดีตพรรคการเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ คือ พรรคประชาธิปัตย์ จนแทบจะเป็นนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์เสมอ ที่จะต้องหยิบยกประเด็นกองทัพออกมาพูดถึงบนเวทีปราศรัย ไม่เว้นแม้แต่คนที่เป็นลูกเขยนายพลอย่าง ดร.สามสี ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ล้วนแต่เคยปราศัยโจมตีกองทัพมาแล้วทั้งสิ้น  ส่วนจะลงจากเวทีแล้วจะไปเจออะไรที่บ้านนั้น ว่ากันว่า ดร.ไตรรงค์ไม่เคยปริปากบอกใคร

 

จนเป็นสัญญลักษณ์ในสมัยนั้น ว่า พรรคประชาธิปัตย์ คือ พรรคที่อยู่ตรงข้ามกับกองทัพ ชวน หลีกภัย วีระ มุสิกพงศ์ ไตรรงค์  สุวรรณคีรี ขุนพลฝีปากกล้าของประชาธิปัตย์ ล้วนแล้วแต่เคยหยิบยกประเด็นกองทัพขึ้นมาปราศัยแล้วทั้งนั้น ไม่แปลกที่วันนี้ปชป.จะลุกขึ้นมาชูประเด็นนี้หาเสียงอีกครั้ง

ส่วนวาทกรรมของกองทัพ วันนี้ คำว่า “อย่าล้ำเส้น” และ “หนักแผ่นดิน” ของพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นวาทะร้อนแรงที่สุด แม้จะสั้นๆ แต่มีความหมายทุกตัวอักษร แต่ในอดีต ผู้บัญชาการทหารบกที่มีวาจาแพรวแพราว และมีลูกเล่นในการให้สัมภาษณ์สื่อมากที่สุด น่าจะเป็นพลเอกสุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ.ในช่วงรัฐบาลของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพเริ่มระหองระแหง บิ๊กสุ ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยลีลาที่ส่งสัญญาณหลายครั้ง

แต่ที่เป็นวาทะเด็ด คือ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมไม่ไปร่วมวงอาหารเช้ากับนายกรัฐมนตรีเหมือนที่เคยทำ บิ๊กสุ บอกสั้นว่า “ป่วยเพราะเจ็บหลัง” จนมีการตีความว่า มาจากอาการถูกรัฐบาลหักหลัง จากกรณีร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง นำรถดาวเทียมของ อสมท.ไปจอดใกล้วัดไผ่เลี้ยง เขตหนองแขม ที่ทางกองทัพตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นการดักฟังการสื่อสารของกองทัพ

ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นที่มาของการรัฐประหาร รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534

 

 

 

related