ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (22 มี.ค.61) ตำรวจสามารถควบคุมตัว นายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถบัสได้ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าริมทางใกล้กับจุดเกิดเหตุ นายกฤษณะ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุเป็นทางลงเขารถบัสเกิดเบรกแตก ทั้งนี้ ตำรวจได้นำตัวนายกฤษณะไปทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจพบว่าปัสสาวะของนายกฤษณะมีสีม่วง และจากการสอบปากคำเพิ่มเติมนายกฤษณะ ยอมรับว่าได้เสพยาบ้าจริง เบื้องต้น ตำรวจ แจ้งข้อหา
1.ขับรถโดยประมาทจนทำให้มีผู้ได้รับบัตรเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
2.เสพยาเสพติดในขณะขับรถ
3.หลบหนีและไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่
และ 4. ข้อหาฝ่าฝืนป้ายจราจรจำกัดความเร็ว
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ บริษัทกันเองทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากการตรวจสอบรถทัวร์คันนี้ เบื้องต้นพบว่า ไม่ได้มีการนำรถยนต์มาตรวจสภาพรถนานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งทางกฎหมายได้กำหนด ให้มาตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งการปล่อยให้คนขับรถเสพสารเสพติดขณะขับรถ ก็จะต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย โดยภายหลังจากนี้ ก็จะได้ประสานให้สำนักงานขนส่ง จ.กาฬสินธุ์ ทำการแจ้งให้บริษัทกันเองทัวร์ นำรถทัวร์มาตรวจสภาพรถใหม่ทุกคัน
ด้านชาวบ้านที่ปลูกเพิงร้านค้า ริมถนนเส้นช่วงโค้งมะกรูดหวาน อ.วังน้ำเขียว จ. นครราชสีมา จุดเกิดเหตุโค้งมรณะเสียชีวิต 18 ศพ ระบุว่า ส่วนตัวไม่หวั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อยากร้องขอให้ทางหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาปรับปรุงแบริเออร์กั้นทางให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันความปลอดภัยกับชีวิตในอนาคต
พล.ต.ท. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบสภาพรถทัวร์คันเกิดเหตุแล้ว พบว่า สภาพเบรก ไม่มีร่องรอยการไหลรั่วของน้ำมัน จึงยืนยันได้ว่า รถไม่ได้เบรกแตก แต่อาจจะเกิดจากลมเบรกหมด เพราะทางลงเขา ระยะทางไกลประมาณ 6 กิโลเมตร คนขับรถอาจไม่ชำนาญเส้นทาง จึงไม่ได้ใช้เกียร์ต่ำ แต่กลับหันไปใช้ลมเบรกจนหมด ..
ที่สำคัญ ยังขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากช่วงเกิดเหตุ จีพีเอสจับได้ว่ารถวิ่งเร็ว 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่บริเวณดังกล่าวกรมทางหลวงติดป้ายกำหนดให้รถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นทางลงเขา และมีเส้นทางคดเคี้ยวมาก ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้