รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันสำนวนคดีเปรมชัย ไม่อ่อน และตำรวจไม่ทำงานล่าช้าแน่นอน ส่วนเรื่องที่อัยการสอบสวนเพิ่มเติมในคดีดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 "ศรีวราห์" ระบุยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่อัยการภาค 7 มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน คดีล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4คน กลับมาสอบสวนเพิ่มเป็นครั้งที่ 2 ว่า จนถึงปัจจุบันยับไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากอัยการว่าจะสอบเพิ่มเติมในประเด็นใด และวันนี้ อัยการยังอยู่ระหว่างการประชุม แต่คาดว่าอัยการจะมีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม เพราะมีข้อเท็จจริงจากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชมาเพิ่มเติมทั้งเรื่อง DNA และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ต้องส่งเพิ่มเติม รวมถึงเรื่องค่าเสียหาย ซึ่งกรมอุทยานฯ สรุปค่าเสียหายมูลค่ารวมประมาณ 13 ล้านบาท
ส่วนสำนวนสอบเพิ่มเติมในครั้งแรก ได้ส่งกลับให้อัยการตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่า ตำรวจไม่ทำคดีล่าช้า และการที่มีกระแสข่าวเรื่องไม่พบ DNA ที่ปืน อาจจะเป็นช่องโหว่ ของคดีนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า ปืนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หลักฐานสำคัญที่พบ DNA คือ เป็นมีด เขียง ซึ่งทำให้ยืนยันได้ว่า สำนวนการสอบสวนไม่อ่อนตามที่มีกระแสข่าวแน่นอน ทั้งนี้หากอัยการมีคำสั่งสอบเพิ่มเติมครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการมา ก็จะดำเนินการทันที
สำหรับประเด็นที่มีบุคคลตั้งข้อสังเกตว่า สำนวนมีช่องโหว่ให้ผู้ต้องหาต่อสู้คดีในชั้นศาลได้นั้น ก็ขอให้รอผลการประชุมของพนักงานอัยการก่อน และส่วนตัวไม่คิดที่จะฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้น และการทำงานของตัวเองตลอดช่วงอายุรับราชการไม่มีทางเปิดช่องให้ผู้ต้องหากลับมาฟ้องร้องตนเองได้
ด้านความผิดฐานตาม พ.ร.บ.ศุลกากร กรณีลีกเลี่ยงภาษีนำเข้างาช้าง พนักงานสอบสวนได้เรียกนายเปรมชัย เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ขณะนี้นายเปรมชัยโดนข้อกล่าวหารวมทั้งหมด 13ข้อหา และยืนยันว่า พนักงานสอบสวน ปทส. และ ปปป. จะต้องสรุปสำนวนส่งอัยการภายในวันที่ 30 มีนาคม.นี้