ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ร้อง ป.ป.ท. เอาผิดผู้เกี่ยวข้องในการรับโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต จากนางรจนา จากเดิม 22 คน เป็น 44 คน ด้านพยานที่เป็นหนึ่งในผู้เปิดบัญชี ปฎิเสธไม่เคยรู้เห็นการโกงเงินดังกล่าว
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเข้าแจ้งความกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เปิดบัญชีให้กับนางรจนา สินที อดีตข้าราชการซี 8 กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต และผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จากเดิม 22 คนเป็น 44 คน จากบัญชีที่พบทุจริตทั้งสิ้น 52 บัญชี ยอดเงินรวมกว่า 96 ล้านบาท แยกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ กลุ่มเครือญาติของนางรจนา กลุ่มเพื่อนที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน กลุ่มอดีตนักเรียนทุน และกลุ่มมูลนิธิอื่นๆ ทราบชื่อเจ้าของบัญชีแล้ว 34 คน ในจำนวนนี้มีข้าราชการ 7 คน แบ่งเป็นข้าราชการระดับซี 8 จำนวน 2 คน ทหารชั้นประทวน 1 คน ตำรวจตระเวนชายแดน 1 คน เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน 1 คน เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร 1 คน และครูเทศบาล ที่จังหวัดตากอีก 1 คน
นอกจากนี้ยังได้นำพยานที่เปิดบัญชีให้กับนางรจนา จำนวน 2 คนพร้อมพยานหลักฐานเอกสาร และเครื่องคอมพิวเตอร์ของนางรจนา จำนวน 2 เครื่อง ไปมอบให้กับ คณะกรรมการ ป.ป.ท. ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมเนื่องจากมีหลักฐานและร่องรอยที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต อีกทั้งยังมีร่องรอยการตัดต่อเอกสารทางราชการ
สำหรับพยาน ซึ่งเปิดบัญชีให้กับนางรจนา ยอมรับว่า รับเงินโอนเข้าบัญชีจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นเงินจากกองทุนเสมา ส่วนตัวเคยเป็นนักเรียนทุนกองทุนนี้เมื่อปี 2536 และต่อมาได้เข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างที่สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำงานใกล้ชิดกับนางรจนา และเคารพนางรจนาเสมือนแม่ ส่วนตัวมองว่านางรจนาเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด และก่อนหน้านี้นางรจนา ก็เคยขอยืมเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อนางรจนาขอเลขบัญชี เมื่อปี 2550 รวมถึงขอให้เปิดบัญชีให้ เพื่อที่จะโอนเงินเข้า
โดยคิดว่าเป็นเงินทำธุรกิจจึงยอมช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่ามีเงินโอนเข้าเพียง 2-3 รายการแรกจากทั้งหมด 7 รายการ ยอดเงินหลักหมื่นบาทในตอนที่เธอยังถือสมุดบัญชีอยู่ หลังจากนั้นนางรจนา ก็นำสมุดบัญชีและบัตร ATM ไป ทำให้ตนเองไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางบัญชีอีกเลย จนกระทั่งมีข่าวนางรจนา จึงไปติดต่อธนาคารอะไรตรวจสอบบัญชีต่างๆ จึงพบว่าถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมทุจริตเงินกองทุนเสมาด้วย
นายอรรถพล ระบุว่า จากข้อมูลการสืบสวนพบว่าพยานที่เป็นอดีตนักเรียนทุน รับโอนเงินทั้งหมด 7 ครั้ง รวมพลรวมกว่า 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ชวนพี่ที่สนิทให้เปิดบัญชีให้กับนางรจนาด้วย แต่ยังตรวจสอบไม่พบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว
ขณะที่พันโทกรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ระบุว่าขั้นตอนหลังจากนี้ จะรวบรวมหลักฐานที่ได้รับมอบมาเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาเพื่อชี้มูลความผิดว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง โดยมีกรอบระยะเวลา 6 เดือน ส่วนเจ้าของบัญชีที่เข้ามาให้ปากคำในวันนี้ จะถูกแจ้งข้อหา หรือกันไว้เป็นพยาน ก็ขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการจะไต่สวนข้อเท็จจริง