พ่อน้องหญิง กังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม แห่ศพน้องร้องผู้บัญชาการภาค 1

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมพ่อและครอบครัวน้องหญิง เคลื่อนโลงศพน้องหญิงมาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมขอให้มีคำสั่งย้ายผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบางปะอิน กับ พวกออกจากพื้นที่ และ ออกจากการเป็นคณะทำงานชุดสืบสวนคดีนี้ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีร้ายแรง เนื่องจากพ่อมีความกังวลใจในเรื่องคดี ที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้กำกับการ สภ.บางปะอิน กับพวกยังคงเป็นคณะทำงานในคดีนี้อยู่

และถึงแม้จะมีคำสั่ง ย้ายผู้กำกับ สภ.บางปะอิน ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอยุธยา แล้วแต่นายอัจฉริยะ ระบุว่ายังปรากฎภาพว่า ผู้กำกับ คนดังกล่าวยังคงไปร่วมสอบปากคำแพทย์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และเข้าร่วมการประชุมชุดสืบสวนคดีนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ครอบครัวรู้สึกไม่โปร่งใส เพราะเกรงว่า คดีจะถูกแทรกแซง ประกอบกับ ผู้กำกับคนดังกล่าว มีข้อครหาเกี่ยวกับเรียกรับสินบน 3 แสนบาท จากครอบครัวผู้ต้องหาเพื่อรับเป้าคดีอำพรางจากคดีฆาตกรรมให้เป็นคดีอุบัติเหตุ

ซึ่งถ้าคณะทำงานยังเป็นชุดของตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ทางครอบครัวไม่กล้าที่จะมอบพยานหลักฐานต่างๆให้พราะ กลัวว่าจะถูกนำข้อมูลในสำนวนคดีโดยเฉพาะผลชันสูตรพลิกศพไปให้กับผู้ต้องหา เพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดี จึงอยากให้ผู้มีอำนาจมีคำสั่งให้ผู้กำกับ สภ.บางปะอิน กับพวกขาดจากการทำคดีนี้และให้พนักงานสอบสวนกองปราบเป็นคณะทำงานหลักในคดีนี้แทน

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า รุ้ง เพื่อนของหญิงซึ่งเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ถูกข่มขู่และมีผู้ไม่หวังดีบางคนยิงปืนขึ้นฟ้าบริเวณบ้านของรุ้ง ติดต่อกันมา 2 วันแล้ว ครอบครัวจึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตนเองและพยาน เมื่อวานนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงสั่งการให้ตำรวจกองปราบปรามทำหน้าที่คุ้มครองพยานแล้ว

ด้านพล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า จะมีสั่งย้ายผู้กำกับ สภ.บางปะอิน กับตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาปฎิบัติราชการที่ตำรวจภูธรภาค 1 จากเดิมที่ให้ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมให้ทำหนังสือชี้แจงที่เข้าร่วมประชุมที่ปรากฎเป็นภาพเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน

แต่จากการพูดคุยในเบื้องต้น ผู้กำกับรายดังกล่าวชี้แจงว่า ถูกเรียกตัวไปส่งมอบสำนวนคดี จึงอยากให้ญาติผู้เสียชีวิตเชื่อมั่นในการสืบสวนสอบสวนที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการทำงาน ส่วนคลิปเสียง เรียกรับเงิน 300,000 บาทนั้น ชุดทำงานอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน พร้อมมีการตั้งคณะกรรมการวินัยร้ายแรงต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนไม่ต่ำกว่า 15 วัน

ขณะเดียวกันนายอัจฉริยะ ยังขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เข้าไปดูแลพยานในคดีนี้ 2 ปาก เนื่องจากพยานถูกข่มขู่ โดยการยิงปืนที่หน้าบ้านถึง3 นัด ถึง 2 วัน