เสี่ยอ้วน ยังไม่มา กัมพูชาเลื่อนส่งตัว

ตำรวจไทยยังคงรอรัฐมนตรีกัมพูชาลงนามอนุมัติการส่งตัว”เสี่ยอ้วน บางลา” ผู้ต้องหายิง 2 ศพเขาชีจรรย์ ให้ทางการไทยรับตัวดำเนินคดี ขณะที่บรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงมีสื่อมวลชนติดตามความคืบหน้าของคดีแม้กองสารนิเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแจ้งยกเลิกการแถลงข่าวในวันนี้ก็ตาม

ความคืบหน้าการติดตามตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน บางลา” นักธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดังย่านป่าตอง จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาบงการฆ่า น.ส.ปวีณา หรือ สปาย นาเมืองรักษ์ อาย 20 ปี และนายอนันตชัย หรือ ฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.261 ที่ผ่านมา ก่อนที่นายปัญญาจะถูกชุดสืบสวนคดีพิเศษของสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ที่นำโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเข้าประสานขอความร่วมมือกับทางการกัมพูชา จนสามารถตามจับตัวนายปัญญา ได้ขณะกำลังจะหลบหนีออกจากประเทศกัมพูชา ไปยังประเทศเวียดนาม เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ส.ค.2561 เบื้องต้นทางการกัมพูชาคุมตัวนายปัญญา ไปสอบสวนที่กรุงพนมเปญ พร้อมดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความั่นคงของประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ทีมสืบสวนคดีพิเศษจเรตำรวจแห่งชาติ จะตามตับตัวนายปัญญา เอาไว้ได้แต่การนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ยังไม่สามารถทำได้ในทันที เนื่องจากช่วงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศกัมพูชา ทำให้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ ประกอบกับกฎหมายของกัมพูชา ที่ระบุว่าการจะเนรเทศบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือ บุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย ผบ.ตร.กัมพูชา รัฐมนตรีมหาดไทย และรัฐมนตรีความมั่นคงของกัมพูชา ซึ่งผิดกับทางการไทยที่มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ลงนามในการผลักดันบุคคลต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ต้องรอรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องลงนาม จึงยังมีขั้นตอนที่ต้องรอ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมลงนามด้วยก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมประสานงานของฝั่งไทย ที่เดินทางไปขอรับตัวนายปัญญา ยังคงอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อดำเนินการด้านเอกสารการขอตัว แต่ล่าสุดปรากฏว่าขณะนี้ยังคงติดขัดเรื่องการลงนามของรัฐมนตรีมหาดไทยกัมพูชา ที่ยังคงติดภารกิจที่ต่างประเทศ และจะเดินทางกลับกัมพูชาภายใน 1 ถึง 2 วันนี้ ขณะที่บรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงมีสื่อมวลชนจากหลายสำนักเดินทางเข้ามาติดตามทำข่าวอย่างต่อเนื่อง แม้กองสารนิเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแจ้งยกเลิกการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังพบว่ามีสถานีโทรทัศน์บางช่องได้นำรถถ่ายทอดสดมาเตรียมพร้อมรายงานข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ด้วยเช่นกัน