รวบนักคัายาเสพติดศรีลังกาหนีคดีเข้าไทย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการกระทำผิดทางอาญาที่เป็นนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และหน่วยเกี่ยวข้องร่วมกันจับตัว MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige สัญชาติ ศรีลังกา ผู้ต้องหารายสำคัญในฐานความผิดลักลอบค้ายาเสพติดที่หลบหนีคดีเข้ามากบดานในประเทศไทย ซึ่งคดีนี้สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ได้ร้องขอและส่งข้อมูลไปยังตำรวจสากล หรือ INTERPOL ประจำภูมิภาคเอเชียให้ประสานงานไปยังตำรวจสากลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ให้ได้

เมื่อตำรวจไทยได้รับการประสานงานให้ติดตามจับกุม MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงที่ตำรวจสากลต้องการตัว จึงได้ทำการสืบสวนเพื่อตรวจสอบและติดตามตัว จากการตรวจสอบพบว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยใช้หนังสือเดินทาง ชื่อ MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige จึงดำเนินการสืบสวน ติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.61 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผอ. (ศปอส.ตร.), พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผบช.สตม., พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท. , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท. , พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบก.สปพ. ,พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้สืบสวนติดตามตัวจนทราบว่ามีชายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับ MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige ปรากฏตัวอยู่ที่ หน้าโรมแรมนราธิวาส เรสซิเด้น โฮเทล ซอยสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี จึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ซึ่ง MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige

ตำรวจจึงนำตัวมาสอบสวนจนพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายแดง (Red Notice) ของ INTERPOLจากการสอบถาม ทราบว่า ชื่อ MR.Saliya Perera Wilwala Arachchige ได้ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย ประมาณปลายปี พ.ศ. 2556 และได้ต่อวีซ่าตามปกติ จนถึงปี พ.ศ. 2559 เมื่อรู้ตัวว่าตนเองถูกหมายจับ ของ INTERPOL จึงไม่ได้ไปต่อวีซ่าอีก เนื่องจากกลัวทางการไทยจับกุมตัว ทั้งนี้ทางการศรีลังกาได้ยืนยันว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศมาเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี ซึ่งผู้ต้องหารายดังกล่าวเป็นผู้ร่วมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ในประเทศศรีลังกา ที่ทางการศรีลังกาต้องการตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งความผิดในข้อหาลักลอบค้ายาเสพติดดังกล่าวมีอัตราโทษสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต

ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำเข้าลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12(7) จึงได้นำตัวไปยัง กก.3 ศสส.สตม. เพื่อตรวจสอบ พิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป