"เจ๊ดา" มือจ้างสาดพริกป่นสาวรถเบนซ์ดอดมอบตัว นัดฝากขังวันนี้

ความคืบหน้า คดีที่ นางวาสนา เวสารัชเวศย์ อายุ 48 ปี ถูกคนร้าย ขี่รถจักรยานยนต์สาดพริกป่นผสมน้ำใส่หน้าจนได้รับบาดเจ็บ ขณะขับรถเบนซ์หรูจอดติดสัญญาณไฟจราจรอยู่บริเวณแยกศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร กทม. เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา

ซึ่งภายหลัง ตำรวจ สน.บางซื่อ สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ น.ส.นิภาพร สมุทรคีรี และได้ทำการซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจาก นางแสงอรุณ ประทุมพวง หรือเจ๊ดา จนมีการขอศาลออกหมายจับในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายร่างกาย

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เจ๊ดา ได้เข้ามอบตัวกับทางตำรวจ สน.บางซื่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ขอให้การในชั้นศาล ตำรวจจึงได้ทำการแจ้งข้อหา และทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนปล่อยตัวกลับไป พร้อมนัด เจ๊ดา ไปฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษก ในเวลา 09.00 น. วันนี้

ขณะที่ช่วงบ่ายวานนี้ ตำรวจ ได้คุมตัว นางสาวนิภาพร ผู้ก่อเหตุสาดพริกป่น ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปขอศาลฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยนางสาวนิภาพร สารภาพว่าเจ๊ดา ได้จ้างตน 100,000 บาท ให้ไปทำร้ายนางวาสนา และหยิบกระเป๋าที่ภายในมีเงินสดจำนวนมาก ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาชิงทรัพย์ แต่ที่ทำเพราะต้องการใช้เงิน และหลังก่อเหตุกลับได้รับค่าจ้างเพียง 1,000 บาทเท่านั้น

ขณะที่ นางวาสนา ผู้เสียหาย กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ อ้างว่า จำเป็นต้องใช้เงิน เจ๊ดาจ้างมาในราคา 50,000 บาท และเจ๊ดารับเงินมาจากเจ๊ซ้ง (ไม่ทราบชื่อจริง นามสกุลจริง) อีกทอดหนึ่ง โดยอ้างว่าตนจะไปแย่งสามีเจ๊ซ้ง ซึ่งขอยืนยันว่าตนไม่มีเรื่องชู้สาว และหากจับกุมตัวเจ๊ดามาได้ ก็จะได้ทราบความจริงมากกว่านี้ และอยากรู้เหมือนกันว่าใครมาบาดหมางกับตนเอง

 ด้านนายบูรพา บุญรักษา อายุ 34 ปี อดีตสามี ของนางสาวนิภาพร เดินทางเข้าเยี่ยมภรรยา และได้บอกว่านางสาวนิภาพร รู้จักกับเจ๊ดามาก่อนประมาณ 2-3 เดือน โดยอ้างว่าเจ๊ดามาว่าจ้างให้นางสาวนิภาพรไปก่อเหตุด้วยเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมนำคลิปเสียงที่นางสาวนิภาพร พูดคุยกับเจ๊ดาถึงการจ้างวาน สำหรับนางแสงอรุณ ประทุมพวง หรือเจ๊ดานั้น เดิมมีอาชีพเป็นนายหน้าหานายประกัน อยู่ที่ศาลอาญา แต่เมื่อเดือน กรกฎาคม 2560 ได้ถูกศาลอาญา พิพากษา ไม่ให้เข้าในบริเวณศาลอาญามีกำหนด 2 ปี ในข้อหา “ละเมิดอำนาจศาล(แสวงหาผลผลประโยชน์โดยมิชอบในบริเวณศาล)” จนถึงวันที่ 17 ก.ค. 2562 นอกจากนี้ยังมีการไปทำศัลยกรรมใบหน้า จนทำให้ใบหน้าเปลี่ยนไปจากฐานข้อมูลของรัฐ