"ศรีวราห์" แถลงจับ หนุ่มโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แอบสะสมอาวุธสงคราม ชี้เคยร่วมการชุมนุมกลุ่มกปปส. สั่งหน่วยเกี่ยวข้องสืบหานายทุน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังผลการสอบปากคำ นายจักรกฤษณ์ ไทยพรหมทัต อายุ 43 ปี พนักงานโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธสงคราม หลังถูกฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี จับกุมตัวได้ที่หน้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง บนถนน 340 ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าอาวุธสงครามที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด เป็นของที่สะสมมานานกว่า 1 ปี ตามความรักชอบส่วนตัว ไม่ได้เตรียมไว้ก่อเหตุความวุ่นวายใดๆ
แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคำรับสารภาพบางส่วนยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง อาทิ เรื่องที่อ้างว่ามีการซื้อกระสุนปืน M16 เพื่อนำไปใช้กับอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ซึ่งจาการที่ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการพิสูจน์ต่อหน้าสื่อมวลชนแล้วเห็นว่า ไม่สามารถนำไปใช้งานร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตถึงอาวุธปืนในความครอบครองที่มีอยู่จำนวนมาก โดยดูขัดกับฐานะของผู้ต้องหา ที่มีอาชีพเป็นพนักงานโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และมีรายได้เพียงเดือนละ 20,000 บาทเท่านั้น ไม่มีรายได้เสริมจากช่องทางอื่นแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าการสั่งซื้ออาวุธปืนจำนวนมากต้องมีนายทุนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง
ส่วนการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาไม่พบว่า ชื่อของนายจักรกฤษณ์ เคยมีประวัติคดีอาชญากรรมใดติดตัวมาก่อน แต่จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่าเคยเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. แต่ไม่ได้มีหน้าที่ใดในการชุมนุม
อย่างไรก็ตามขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนได้ทำการออกหมายจับและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว 1 คน โดยไม่ขอยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวเป็นคนมีสีหรือไม่ และขอให้เปิดเผยผู้ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำตัวภรรยาของผู้ต้องหามาสอบปากคำอย่างละเอียด รวมถึงให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อดูความผิดปกติที่มาของเงินที่นำไปใช้ในการสั่งซื้ออาวุธปืน
ทั้งนี้ยังกล่าวถึงมาตรการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ รวมถึง กลุ่มที่เคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง โดยยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งระดมกวาดล้างอาชญากรรม มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งเดิมมีกำหนดถึงช่วงปลายเดือนมกราคม ปีนี้ แต่เนื่องจากยังไม่มีการสรุปวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ดังนั้นก็จะพิจารณาขยายระยะเวลาเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ออกไปก่อน