ปปง. ร่วม ศปอส.ตร. แถลงผลงาน คดีจำนำข้าว ยึดกว่า1.1หมื่นล้าน ยึดอายัดทรัพย์สินรวม กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท
วันที่ 29 มกราคม 2562 พลตำรวจเอก รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการ ปปง. พลตำรวจโท ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รอง ผอ. ศปอส.ตร. และ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง/รอง ผอ. ศปอส.ตร./หัวหน้าชุดปราบปราม ร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินงานระหว่างสำนักงาน ปปง. และ ศปอส.ตร. รวมทั้งคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ณ บริเวณชั้น 1 อาคารสำนักงาน ปปง.
พลตำรวจเอก รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการบูรณาการกำลังปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ และที่เป็นมูลฐานความผิดที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นวงกว้างโดยอาศัยช่องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เช่น Facebook , LINE ในการหลอกลวงผู้เสียหาย อย่างจริงจังและเด็ดขาด
สำนักงาน ปปง. จึงมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน สำนักงาน ปปง. ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ปปง. (ศปก.ปปง.) ผ่านทางสายด่วน 1710 และมีการบูรณาการร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ผ่านช่องทางสายด่วน 1155 โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ทำให้สามารถชะลอการถอนเงินจากมิจฉาชีพและคืนเงินให้กับผู้เสียหายทั้งเต็มจำนวนและบางส่วนเพื่อเป็นการเยียวยาประชาชน ต่อมาได้มีการยกระดับการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกหลอกลวงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบ เช่น เฟสบุ้ค แอพพลิเคชั่นไลน์ โรแมนซ์สแกม เป็นต้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานในลักษณะบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนสามารถระงับการกระทำความผิดของมิจฉาชีพได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการยึดอายัดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดภายใต้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเข้มข้นและจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับ การทุจริตคอร์รัปชั่น การฉ้อโกงประชาชน หรือการฉ้อโกงที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินนอกระบบ ทั้งนี้เกี่ยวกับรายคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มีความคืบหน้า คือ คดีที่เกี่ยวกับการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง กับพวก โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินไปแล้ว จำนวน 11 คำสั่ง รวมมูลค่า 15,795 ล้านบาทเศษ
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 สำนักงาน ปปง. ได้เสนอเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอต่อศาลแพ่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพิ่มเติมอีก จำนวน 50 ล้าน และเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 เลขาธิการ ปปง. ได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของจำเลยในคดีนี้ เพิ่มเติมอีก จำนวน 269 ล้านบาทเศษ เนื่องจากตรวจสอบเพิ่มเติมพบเงินสดที่อยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ รวมจำนวนยึดอายัดทรัพย์สินทั้งสิ้น 12 คำสั่ง รวมมูลค่าประมาณ 16,114 ล้านบาท ต่อมาในวันเดียวกันศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สิน จำนวน 2 คำสั่ง ตกเป็นของแผ่นดิน รวมมูลค่า 11,078.90 ล้านบาท
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง/รอง ผอ.ศปอส.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมี พลตำรวจเอก รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นหัวหน้าชุดปราบปราม ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจัง ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินมาโดยตลอด
ทั้งนี้ จากผลการปฏิบัติงานของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ สามารถดำเนินการตรวจยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดตามมูลฐานของกฎหมาย ปปง. ได้เป็นจำนวนมากรวมทั้งสิ้นประมาณ 17,136,911,806 บาท