ตำรวจคุมตัว "เพนกวิน พริษฐ์" และ "ธนวัฒน์ วงค์ไชย" 2 นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังอ่านจดหมายเปิดผนึกขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่ง ชี้ชุมนุมในพื้นที่ต้องห้าม และไม่ได้ขออนุญาต
วันนี้ (2 ก.พ.) เวลา 13.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานและประธานยุทธศาสตร์ สหพันธ์นักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย เดินทางมาที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเพื่อนนักศึกษาอีก 4 คน เพื่อทำกิจกรรมอ่านจดหมายเปิดผนึก ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้พิจารณาลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสนามเลือกตั้งจากความได้เปรียบจากสถานะหัวหน้ารัฐบาลที่มีอำนาจเต็มบวกอำนาจตาม ม.44 ในฐานะหัวหน้า คสช. ภายหลังพรรคพลังประชารัฐเทียบเชิญให้เป็นผู้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ตามที่ได้โพสต์เชิญชวนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
แต่เมื่อไปถึง พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการ สน.ดุสิต ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ได้เข้าไปว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มนักศึกษา โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งทั้งสองไม่ได้ขออนุญาตไว้ตั้งแต่แรก อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวได้ประกาศไว้เป็นพื้นที่ห้ามมิให้มีการชุมนุมใดๆ พร้อมให้คำแนะนำหลีกเลี่ยงไปจัดกิจกรรมภายในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น มหาวิทยาลัย เป็นต้น
ทำให้นายพริษฐ์ และนายธนวัฒน์ จึงยกเลิกกิจกรรมบริเวณดังกล่าว ก่อนจะพากันเดินไปที่ข้างรั้วทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านหนังสือแทน โดยใช้เวลาประมาณ 5 - 10 นาที ก่อนนำพวงมาลัยพริกแห้ง กระเทียมร้อยพวง และถุงใส่เกลือ ไปแขวนและวางไว้ข้างรั้วทำเนียบรัฐบาล
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ดังกล่าว ตำรวจได้เชิญนักเคลื่อนไหวทั้งสอง ไปให้ปากคำที่ สน.ดุสิต ก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อหาฐานฝ่าฝืนการชุมนุมในที่สาธารณะต่อไป
สำหรับเนื้อหาในจดหมายมีดังนี้
จดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นับตั้งแต่มีการประกาศพระราชกฤษฏีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ซึ่งสามารถอนุมัติงบประมาณที่มีผลผูกพันไปยังรัฐบาลชุดหน้า อนุมัติงบประมาณไปในการหาเสียง อนุมัติโยกย้ายข้าราชการประจำ ออกกฎหมายได้ และใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อให้เกิดผลในการเลือกตั้งได้
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงถืออำนาจเด็ดขาด ซึ่งสามารถใช้ทำอะไรก็ได้และไม่มีความผิดใดๆ ตาม ม.265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อันสามารถส่งผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 และยังสามารถใช้ในการเลื่อนการเลือกตั้ง ล้มการเลือกตั้ง และลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชนได้อยู่เสมอ
ปรากฏการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย ที่รัฐบาลจะไม่ปรับสภาพเข้าสู่ความเป็น “รัฐบาลรักษาการณ์” อันเป็นการจำกัดอำนาจของรัฐบาลในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ในทางตรงกันข้าม กลับมีการใช้อำนาจและกลไกของรัฐอย่างเต็มรูปแบบ ที่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
พฤติกรรมดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงสุ่มเสี่ยงทำให้การเลือกตั้งเกิดความไม่เสรีและไม่เป็นธรรม แล้วอาจทำให้ผลการเลือกตั้ง ไม่สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน
เราจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลาออก” จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทันทีที่ท่านตกลงรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการใช้อำนาจเต็มและเด็ดขาดของท่าน สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง จนทำให้การเลือกตั้งนั้นเกิดความไม่เสรีและไม่เป็นธรรม
เราขอยืนยันว่า การเลือกตั้งต้องเสรีและเป็นธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถสะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยได้ หาใช่เป็นเพียงพิธีกรรมในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ และมันสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์
เราหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ มากกว่าอำนาจของตน และให้สมกับความประสงค์ของท่าน ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ผมอยากจะลาออกทุกวัน ไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว”
ด้วยความไม่เคารพในสิ่งที่ท่านทำตลอด 5 ปีที่ผ่านมา