“กระทรวงยุติธรรม จับมือ ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพ อุดหนุนผลิตภัณฑ์ บริการ จากผู้ต้องขัง”
วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2562 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องพลังไทย 1 อาคาร 1 ชั้น 3 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การศึกษาความเป็นไปได้เพื่อส่งเสริมการสร้างงานโดยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ จากผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม ดูแล ของกระทรวงยุติธรรม โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามดังกล่าว
พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม ได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมการสร้างงาน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการของผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม ดูแลของหน่วยงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้แก่ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยร่วมกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษา ความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการสร้างงาน ด้วยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ และบริการ จากผู้กระทำผิดที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกระทรวงยุติธรรม โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและ การค้าปลีก จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อหาแนวคิด และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านการส่งเสริมทักษะอาชีพ ซึ่งโครงการฯดังกล่าว มีระยะเวลา 1 ปี ระหว่างเดือนเมษายน 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2563 โดยทุกฝ่ายมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนและแก้ไข พัฒนาพฤตินิสัย ตลอดจนการสนับสนุนพื้นที่ และพิจารณาการให้บริการของผู้กระทำผิดผ่านธุรกิจของ พีทีที โออาร์ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสใน การจำหน่ายผลิตภัณฑ์อีกทางหนึ่ง
พันตำรวจเอกณรัชต์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่มีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการบูรณาการ ส่งเสริม สนับสนุนความเป็นไปได้ในการพัฒนาและอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของผู้กระทำผิดภายใต้การควบคุม ดูแลของหน่วยงานด้านพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรม นั้น ถือเป็นการผนึกกำลังในการส่งเสริมให้ผู้กระทำผิด ได้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข สร้างการยอมรับจากสังคม สร้างโอกาสการมีงานทำ โอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และมีอาชีพสำหรับเลี้ยงตนเอง และครอบครัวภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนลดการกระทำผิดซ้ำ คืนคนดีสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน