บุกจับร้านคาราโอเกะกลางอุดรฯ ลักลอบค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

เมื่อเวลา 23.50 น.ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายมานะ สิมมา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม พร้อมด้วยฝ่ายปกครองจังหวัดอุดรธานี นำโดยนายปราโมทย์ ธัญญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และพ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ ผอ. กองคดีการค้ามนุษย์กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมเข้าตรวจสอบสถานประกอบการแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่า ร้านดังกล่าวเปิดเป็นคาราโอเกะบังหน้า มีการลักลอบค้าประเวณี เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์

โดยจากการตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าว มีพนักงานหญิงบริการจำนวน 10 คน และจากการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน พบว่ามีพนักงานหญิงซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน เป็นหญิงอายุ 16 ปี 1 คน และ 17 ปี 3 คน โดยเจ้าของร้านเป็นภรรยาของนายดาบตำรวจสังกัด สภ.เมืองอุดรธานี ทางร้านมีพฤติการณ์เปิดเป็นร้านคาราโอเกะบังหน้า แต่มีพฤติกรรมค้าประเวณีแอบแฝง เมื่อมีลูกค้ามาซื้อบริการทางเพศจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทางร้าน เพื่อพาหญิงบริการออกไปร่วมประเวณีภายนอกร้าน

ซึ่งการเข้าจับกุมในครั้งนี้เนื่องมาจาก การร้องเรียนของครูอาจารย์ว่ามีลูกศิษย์ออกไปขายบริการทางเพศที่ร้านดังกล่าว ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองจึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม ผลการจับกุมยังพบเด็กอายุ 16 และ 17 ปี ที่ยังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาภายในจังหวัดอุดรธานี มาทำงานให้บริการด้วย โดยอาจารย์ที่ให้ข้อมูลร้องเรียนได้มาร่วมตรวจสอบพร้อมกับยืนยันว่าหนึ่งในหญิงบริการภายในร้านนั้นคือลูกศิษย์ของตน

ทั้งนี้ พนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นคือ ค้ามนุษย์, เป็นธุระจัดหาหญิงมาเพื่อค้าประเวณี และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งมีการเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้ออกคำสั่งปิดร้านดังกล่าว 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2558 ต่อไป นอกจากนี้ยังมีการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับเจ้าของร้านในฐานะเป็นสามี เข้าข่ายกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วย หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำพนักงานหญิงทั้ง 10 คน ไปทำการสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายโดยทีมสหวิชาชีพยังบ้านพักเด็กจังหวัดอุดรธานี รวมทั้งให้ความคุ้มครองและฟื้นฟูเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต่อไป