2 คนไทยโต้คลิปรุมตีเยาวชนลาว ไม่ใช่อย่างที่คิด

คลิปวิดีโอนี้ ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย เป็นเหตุการณ์ที่ ผู้ชายไทยทำร้ายร่างกาย เยาวชนคนประเทศลาว ทำให้ชาวลาวเรียกร้องให้ตำรวจไทยเข้าตรวจสอบ โดย พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ที่บริเวณศาลารอรถ หน้าร้านสะดวกซื้อ หน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย และได้ติดตามตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบถาม

โดยคู่กรณีฝ่ายคนไทย มีนายจตุพร นิตะวัน อายุ 58 ปี และนายภาคิน บุญชูวงศ์ ทั้งคู่เป็นชาว อ.เมืองหนองคาย ส่วนหนุ่มลาว ชื่อนายโด อินทะจัก อายุ 18 ปี ชาวเมืองสะหวันนะเขต สปป.ลาวซึ่ง นายโด ได้เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยทำงานที่โรงน้ำแข็งกับพี่สาวชาวลาว ที่ จ.สมุทรปราการ และได้มาที่ จ.หนองคาย กระทั่งขณะเกิดเหตุ ตัวเองกำลังกินข้าวอยู่ ปรากฎว่ามี คนไทยทั้งสองคน มาบอกว่า กินเสร็จแล้วให้เก็บกล่องไปทิ้ง ก่อนจะทำร้ายร่างกายตัวเองจนมีแผลตามตัว (ซึ่งนายโด ยังคงให้การวกวนอยู่)

ด้าน นายจตุพร และนายภาคิน ชาวไทย กล่าวว่า นายโด ได้มาอาศัยอยู่ที่ศาลารอรถ หน้าร้านสะดวกซื้อ หน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 โดยไม่มีใครดูแล มีเสื้อผ้าติดตัวอยู่แค่ชุดเดียว ไม่มีเงิน คนที่อยู่ละแวกนั้นเห็นแล้วสงสาร จึงหาข้าวหาน้ำให้กิน เป็นเช่นนี้มา 3 สัปดาห์แล้ว แต่พอเมื่อวาน (07มิ.ย.) นายจตุพร เอาข้าวกล่องมาให้นายโด กินเช่นเคย และบอกว่ากินแล้วให้เก็บกล่องไปทิ้งถังขยะด้วย จู่ ๆ นายโดก็ไม่พอใจ ลุกขึ้นมาชกที่ศีรษะ 2 ครั้ง ซึ่งขณะนั้นมีทั้งคนไทยและคนลาวอยู่ภายในศาลา

นายจตุพร บอกว่า ส่วนตัวโมโหที่ทำดีด้วยแต่กลับถูกนายโดทำร้าย จึงได้ชกนายโด กลับด้วย ส่วนนายภาคินเห็นนายโด ทำร้ายก็เข้ามาช่วย คาดว่าคนลาวที่เห็นเหตุการณ์เป็นผู้หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายตั้งแต่ต้น ทำให้ภาพที่ออกมา ดูเหมือนคนไทยรุมทำร้ายคนลาว ขอยืนยันว่า นายจตุพร และนายภาคิน ชาวไทย ถูกทำร้ายร่างกายก่อน

ขณะที่ ตำรวจติดต่อพี่สาวของนายโด ทราบว่า นายโด มีอาการทางจิต ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง แต่ขาดยามาหลายเดือนแล้ว และหนีออกจากที่ทำงานจะกลับประเทศลาว จนมาทราบว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พี่สาวนายโดได้เดินทางมาหาน้องชาย ก่อนจะพากลับประเทศเพื่อไปรักษาตัว

ฝากขอโทษคนไทยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กับ สปป.ลาว จึงอยากชี้แจงเหตุการณ์ข้อเท็จจริงให้ทุกคนได้ทราบด้วย จากนั้น พนักงานสอบสวน จึงเปรียบเทียบปรับ ไปคนละ 200 บาท ก่อนให้พี่สาวรับตัวกลับไปรักษาตัว