มอบตัวอีก 8 กลุ่มวินยกพวกตีกันเชื่อวางแผนก่อเหตุล่วงหน้า

พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยความคืบหน้า คดีที่กลุ่มวินจักรยานยนต์ ก่อเหตุยกพวกตีกันที่ซอยสุขุมวิท 103 จนมีผู้เสียชีวิต และ บาดเจ็บว่าล่าสุดมีวิน จยย. ที่เกี่ยวข้องมามอบตัวเพิ่มอีก 8 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ต้องหากลุ่มใหม่

ส่วน นายประมุข วิเชียรดิลกกุล หัวหน้าวินนั้นจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ โดยตำรวจเชื่อว่ากลุ่มวินของนายประมุข มีการเตรียมการมาก่อเหตุ ส่วนมูลเหตุมาจากเรื่องการแย่งลูกค้าและต้องการจะรวม 2 วินเป็นวินเดียว โดยวานนี้ ตำรวจ สน.บางนา ได้เข้าค้นบ้านพ่อแม่ของนายประมุข ที่อยู่ภายในซอยอุดมสุข 26 หลังศาลจังหวัดพระโขนง ได้มีการอนุมัติหมายค้น การค้นครั้งนี้เป็นการค้นครั้งที่ 2 หลังจากเคยค้นไปแล้วในช่วงเช้าวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา และไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในบ้านด้วยแต่อย่างใด

ภายหลังการตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.มงคล เปิดเผยว่า ตำรวจยังคงไม่พบตัว นายประมุข รวมถึงหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อาทิอาวุธปืน ไม้ ทำให้จากนี้ ตำรวจต้่องใช้วิธีการเจอที่ไหนจับที่นั่น เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้หลบหายไปจาก รพ.ไทยนครินทร์ ที่รักษาตัว ซึ่งจากการพูดคุยกับพ่อแม่ของนายประมุข พบว่ามีการติดต่อมาหาครอบครัว เตรียมเข้ามอบตัว แต่ติดเรื่องหลักทรัพย์

ด้าน พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 7 ราย ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและข้อหาอื่นๆรวม 5 ข้อหานั้น ยังเหลือหลบหนีอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่เข้ามอบตัว สน.บางนาได้นำตัวส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระโขนง ในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้สั่งเฝ้าระวัง พร้อมกำชับจัดระเบียบป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ทั้ง การตรวจค้น จับกุม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ในการบริการขนส่งสาธารณะ การแก้ปัญหาวินเถื่อน การวิ่งทับเส้นทาง รวมไปถึงผู้มีอิทธิพลที่เข้ามาแทรกแซง ตลอดจน การเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด

ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ที่ประชุม ครม.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด เหตุวินรถจักรยายนต์ยกพวกตีกัน โดยใช้อาวุธปืน ถือเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ดี ยืนยันรับไม่ได้ตีกันในพื้นที่สาธารณะ ดังนั้นต้องลงโทษโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งหาสาเหตุว่าเกิดจากการปล่อยปะละเลยของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ต้องหาผู้รับผิดชอบด้วย ซึ่งการบอกว่าจะให้ใช้กฏหมายให้แรงขึ้น ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของแต่ละคน ไม่ก้าวล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน เขตใครก็เขตของคนนั้น และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว