"ประวิตร" ยันเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ยังไม่ตัดประเด็นชู้สาว

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า ไม่มั่นใจในการสอบสวนคดี “จ่านิว” หรือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกทำร้าย เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ความมั่นคง ขณะเดียวกันเชื่อว่า เจ้าหน้าที่อาจจะจับแพะ เพราะมีกลุ่มนักพนันที่รับจ้างติดคุกจำนวนมาก

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ มีความพยายามสเก็ตช์ภาพคนร้ายและรายงานผลคดีให้ทราบทุกวัน ในเวลา 19.00 น. แต่ก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นชู้สาว และเรื่องของหนี้สินออกไปแล้ว ส่วนชนวนเหตุที่ถูกลอบทำร้ายในครั้งนี้จะเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ พลเอกประวิตร ระบุว่า ยังไม่ทราบ ตำรวจพยายามทำทุกอย่างและดูว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น. ระบุว่า ตำรวจกำลังเร่งรัดและสืบสวนหาตัวคนทำร้าย จ่านิว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียงลำดับเหตุการณ์ รวมถึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติมเพื่อหาพยานหลักฐานที่ยังคงหลงเหลือให้ได้มากที่สุด

โดยมีการสอบปากคำพยานไปแล้วจำนวน 9 ปาก ทั้งบุคคลที่อาศัยอยู่ในซอยเดียวกัน และมีการแยกตรวจสอบอาวุธว่าอาวุธที่ใช้ก่อเหตุมีลักษณะเป็นอย่างไร รวมไปถึงตรวจสอบยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนีพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญมายืนยันอีกครั้ง

ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายไม่ใช่บุคคลในพื้นที่แต่จะต้องมีการวางแผนมาเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าการหลบหนีนั้นคนร้ายรู้ทุกจุดที่มีกล้องมีการหลบมุมกล้อง ซึ่งจุดสุดท้ายที่กล้องวงจรปิดจับภาพคือหน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี

สำหรับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่ามีการสเกตช์ภาพคนร้ายนั้น เป็นการสเกตช์ภาพตำหนิ รูปพรรณ สัณฐาน ส่วนสูง ผิวพรรณ พร้อมทั้งสเกตช์ภาพรถจักรยานยนต์ที่ใช้ ว่ามีลักษณะใด แต่ยังไม่มีการขอออกหมายจับแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี ตามที่สื่อสังคมโซเชียลมีเดียได้มีผู้โพสเกี่ยวคดีทำร้ายร่ายกาย “จ่านิว” โดยอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับได้มีการนำชื่อ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ ลงข้อความเผยแพร่ในลักษณะที่สร้างความเสียหาย

ขณะนี้ได้รับรายงานจาก บก.ปอท. ว่า พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ได้ใช้สิทธิ์ในทางส่วนตัวโดยแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ตลอดจนขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ให้การสนับสนุน สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด และจะใช้สิทธิฟ้องร้องในทางแพ่งตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป