กรมการท่องเที่ยว ร้องทุกข์เอาผิดรายการเกาหลี จับหอยมือเสือ ผิดเรื่องย่อ

วันนี้ ( 9 มิ.ย. 62 ) ที่ สภ.กันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม นำเจ้าหน้าที่กองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว เข้าแจ้งความ เพื่อเอาผิดกับคณะถ่ายทำรายการ The Law of Jungle ของสาธารณรัฐเกาหลี ที่ได้มาเข้าถ่ายทำในประเทศไทย และ บริษัท เดอะซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ผู้ประสานงานการถ่ายทำของ SBS Broadcasting Center ที่เข้ามาถ่ายทำในวันที่ 29 มีนาคม และวันที่ 1-3 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐาน ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางราชการหลายอย่าง เช่น หนังสือขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ ซึ่งมีการยื่นขอจำนวน 2 ครั้ง พร้อมเรื่องย่อ หรือ บทภาพยนต์ หรือเค้าโครงเรื่อง เฉพาะที่จะถ่ายทำในเขตอุทยานฯ , เอกสารระบุชื่อบริษัทผู้ประสานงานการถ่ายทำ, เอกสารสำคัญเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติของอุทยานฯในพื้นที่ที่กำหนดให้จะต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้ากำกับควบคุมการถ่ายทำตลอดเวลา

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่กองกิจการภาพยนต์และวีดีทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่สำคัญว่า ทางทีมงานบริษัทถ่ายทำมีการยื่นขออนุญาตถ่ายทำจำนวน 2 ครั้ง แต่ครั้งแรก คณะกรรมการที่มีอํานาจหน้าที่พิจารณาไม่อนุญาต เพราะพิจารณาเรื่องย่อระบุว่าจะมีการฆ่าสัตว์

ภายหลังยื่นขอใหม่ระบุว่าเป็นลักษณะการท่องเที่ยว จึงได้รับอนุญาตให้เข้าถ่ายทำในพื้นที่ได้ แต่สุดท้ายภาพที่รายการนำไปเสนอมีการกระทำความผิดจับหอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายของไทย ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมด้วย ซึ่งเป็นการกระทำความผิดกฎหมาย จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดบริษัทผู้ถ่ายทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตาม พ.ร.บ.ภาพยนต์และวิดีทัศน์ พ.ศ.2551 เพราะถือเป็นการกระทำ ที่ไม่เป็นไปตามสคริป หรือเรื่องย่อ ที่ได้ให้ไว้กับกรมการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับบริษัทถ่ายทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหากระทำความผิดตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และ พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 แล้ว โดยทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมยืนยันว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการถ่ายทำตลอดทุกจุด ยกเว้นจุดที่มีการจับหอยมือเสือ เพราะทางบริษัทผู้ถ่ายทำออกนอกเหนือโปรแกรมพื้นที่ ที่ไม่ได้ให้ไว้ และทำนอกเหนือเวลาที่ขออนุญาต ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

ด้าน พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผู้กำกับการ สภ.กันตัง กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องเรียกบริษัทถ่ายทำ และบริษัทผู้ประสานงานให้มาให้ถ้อยคำ ซึ่งได้มีการแจ้งประสานไปแล้ว คาดว่าจะเข้าให้ปากคำในเร็วๆนี้ ส่วนคนไทยก็ยังมีบางส่วนจะต้องเรียกมาสอบปากคำให้ครบ อย่างไรก็ตามคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่จะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน และอาศัยระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งจะต้องดูให้ละเอียด ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะมีระเบียบกฎหมายปกติในการดำเนินการไปตามขั้นตอน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ให้คนไทยในพื้นที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะถ่ายทำจับหอยมือเสือ ไปตรวจสอบพื้นที่ เพื่อเก็บพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี โดยคนไทยที่อยู่กับเรือให้การว่า ทีมงานถ่ายทำให้เรือและคนไทยออกจากบริเวณพื้นที่ถ่ายทำไปอยู่ในระยะไกลรัศมีกล้อง จนมองไม่เห็นว่าทางทีมงานถ่ายทำกำลังทำอะไรอยู่

ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่พบว่า จุดที่จับหอยมือเสือ อยู่บริเวณด้านทิศเหนือของเกาะมุก ต.เกาะลิบง อ.กันตัง แหล่งงานวิจัยและอนุรักษ์หอยมือเสือสำคัญของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมที่ เมื่อปี 2558 อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เคยทำงานวิจัยนำหอยมือเสือจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาปล่อยคืนธรรมชาติที่เคยมีอย่างชุกชุม

แต่ได้สูญหายไปเนื่องจากถูกชาวประมงจับ โดยหลังจากปี 2558 ที่มีการปล่อยคืน ชาวบ้านให้ความร่วมมืออนุรักษ์ ทำให้หอยมือเสือเติบโตอย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันในการจัดงานสำคัญทางทะเล เช่น งานวิวาห์ใต้สมุทร ซึ่งทุกปี ทางจังหวัดจะให้คู่บ่าวสาวปล่อยหอยมือเสือคืนธรรมชาติบริเวณเกาะมุกดังกล่าวด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>> ??

ดราม่า! รายการเที่ยวเกาหลีบุกทะเลไทย จับหอยมือเสือ ทำอาหาร

เผยข้อมูลกองถ่ายรายการเกาหลี แอบออกเรือนอกพื้นที่ ดราม่า จับหอยมือเสือ