กองปราบตามรวบอดีตหลวงตาลวงเด็กหญิง13 หนีคดีเกือบ20ปี

ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. , พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. , พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. , พ.ต.ท.ณัทกฤช น้อยคำปัน ,พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล,พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง,พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส รอง ผกก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันจับกุมตัว นายละ วรรณพิรุณ อายุ 81 ปี อดีตพระวัดโคกหัวข้าว หมู่ที่ 3 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.99/2550 ลงวันที่ 24 ม.ค.2550 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร,กระทำชำเราเด็กหญิงยังไม่ถึงสิบห้าปีซึ่งมิใช้ภรรยาตน,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ได้ที่บริเวณวัดโคกหัวข้าว หมู่ที่ 3 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ พาเด็กหญิงเอ นามสมมุติ อายุ 13 ปี ในขณะที่ตนยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ ขึ้นรถยนต์โดยสารไปที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และได้พา เด็กหญิงไปที่บ้านญาติของตัวเอง จากนั้นได้ให้เด็กหญิงดื่มเบียร์ และเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้น เด็กหญิงเอ รู้สึกว่าเจ็บที่อวัยวะเพศ และ นายละ ได้เข้าไปกอดและหอมแก้มพร้อมกับพูดว่า หาก เด็กหญิงเอ ท้อง นายละ จะรับผิดชอบ เมื่อกลับถึงอ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เด็กหญิงเอได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้มารดาฟัง ว่า ถูกนายละกระทำชำเรา มารดาจึงได้พา ด.ญ.เอ ไปให้แพทย์ตรวจพบว่าผ่านการร่วมเพศ จึงแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี

ตำรวจ กก.2 บก.ป. จึงดำเนินการสอบสวน จนพบว่า นายละ วรรณพิรุณ ได้หลบมาบวชอยู่ที่วัดโคกหัวข้าว หมู่ที่ 3 ตำบลท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และสามารถจับกุมผู้ต้องหาส่ง สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ดำเนินคดี

เบื้องต้นจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้กระทำอนาจาร,และกระทำชำเรา ด.ญ.เอ ซึ่งตนเองได้บวชเป็นพระตั้งแต่อายุ 35 ปี โดยตนรู้จักกับ ด.ญ.เอ ตอนอายุประมาณ 60 กว่าปี ด.ญ.เอ กับบิดาและมารดา จะมาทำบุญกับตน เป็นประจำ ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงได้รู้จัก แต่เด็กหญิงได้มาติดพันกับตน จนในวันดังกล่าวตนเองกำลังจะเดินทางไปบ้านญาติ ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ด.ญ.เอ ได้วิ่งตามตนเองขึ้นรถโดยสาร ซึ่งตนเองได้ห้ามไม่ให้ติดตามมา ภายหลังเมื่อถึงที่บ้านญาติของตน ด.ญ.เอ ได้อยู่ที่ดังกล่าว 2 วัน จึงได้พาเด็กหญิงมาส่ง และไม่ได้กระทำอนาจารเด็ก ก่อนจะเดินทาง ตนเองได้ลาสิกขา แล้วเดินทางมาที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และพบกับ มารดาของ ด.ญ.เอ หลังจากนั้นต่อมาอีก 2 เดือน ตนเองก็ได้บวช และได้จำพรรษาอยู่หลายที่ ต่อมาได้มาจำพรรษาอยู่วัดโคกหัวข้าวเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งตนเองไม่ทราบว่ามีหมายจับ พึ่งมาทราบภายหลังจากที่พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งหมายจับกำลังจะหมดอายุความอีก 2 ปี (ปี 2564)