รวบลูกเจ้าของตลาดดังย่านบางแค ฆ่าฝังดินสาวไซด์ไลน์

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ม.ค. พลตำรวจตรี อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พลตำรวจตรี โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 พันตำรวจเอก นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 พันตำรวจเอก นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. และ พันตำรวจเอก จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 สังกัด กก.ปพ.ผบช.น.พร้อมหมายค้นศาลแขวงธนบุรี เลขที่ 1/2563 ลงวันที่ 9 ม.ค.63 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 58 ถนนเพชรเกษม สุดซอย 47 แขวงและเขตบางแค กทม.หลังสืบทราบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวน่าจะมีเหตุฆาตกรรมฝังศพอำพรางคดีเกิดขึ้น

จากการตรวจสอบพบบ้านหลังนี้ มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว ปลูกในรั้วรอบขอบชิด บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ โดยด้านหลังของตัวบ้านมีอาคารโรงพิมพ์เก่าชื่อว่า มณฑลการพิมพ์ และยังมีส่วนของโกดังเก็บของเก่าแวดล้อมไปด้วยพงหญ้าขึ้นรกชัน เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง กำลังชุดปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 ได้เข้าล้อมตัวบ้านเอาไว้ก่อนตะโกนเรียกให้บุคคลภายในแสดงตัวแต่ไร้การตอบรับ จึงต้องทำการทลายประตูทางเข้าและประตูหน้าต่างก่อนโยนระเบิดสตั๊นบอมส์แล้วเข้าทำการเคลียพื้นที่ทุกห้อง พบ นายอภิชัย หรือไอซ์ องค์วิศิษฐ์ อายุ 40 ปี เจ้าของห้องซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนในสภาพคล้ายคนเมายา จึงทำการเข้าชาร์จเอาไว้ พร้อมของกลาง อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม.ยี่ห้อซีแซด รุ่นรามี่ และเครื่องกระสุนเต็มแมกกาซีน 15 นัด โดยอาวุธปืนอยู่ในสภาพขัดลำเนื่องจากผู้ต้องหาพยายามต่อสู้แต่ปืนเกิดติดขัด

จากการตรวจสอบในห้องพักพบของกลางยาเสพติดประเภท ไอซ์ บรรจุในซองซิปใส่จำนวนหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด ถังแก็สหุมต้มขนาด 13.5 กิโลกรัม วางอยู่ปลายเตียงนอน 1 ใบ จอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดใช้สำรวจความเคลื่อนไหวบริเวณทางเข้า-ออก ภายในบ้านซึ่งวางอยู่ปลายเตียง 1 จอ นอกจากนี้ยังตรวจพบหีบเหล็กและหีบไม้ต้องสงสัยใส่กุญแจล็อคอย่างดีวางอยู่ในบ้านอีก 2 หีบ รวมถึงร่องรอยกระสุนปืนที่ นายอภิชัย ชอบยิงใส่ฝ้าเพดานบ้านตัวเองตอนเมายาอีกหลายนัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบพื้นที่ลานดินว่างในป่าหญ้าหลังตัวบ้านดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านไปประมาณ 200 เมตร จากการใช้จอบและเสียมขุดหน้าดินลงไปประมาณ 1 เมตร พบถุงดำต้องสงสัย 1 ใบ ภายในบรรจุอวัยวะชิ้นส่วนคล้ายศพมนุษย์สวมเสื้อยืดคอกลมสีเหลือง สภาพเปื่อยผุพัง ถูกฝังอยู่ใต้หน้าดิน เบื้องต้น พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น.จึงสั่งการให้หยุดเพื่อรอประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เข้ามาร่วมทำการตรวจสอบ

พันตำรวจเอก นพศิลป์ กล่าวว่า การบุกจับกุมและตรวจค้นภายในบ้านหลังที่เกิดเหตุวันนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พันตำรวจเอก จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.บช.น.ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายเฉลิมชล งะบัว อายุ 41 ปี ลูกจ้างของ นายอภิชัย เจ้าของบ้าน ได้พร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนหนึ่ง จากการสอบสวนขยายผลพบว่า นายอภิชัย เจ้าของบ้านน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดที่พบ นอกจากนี้ นายเฉลิมชล ยังยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมด้วยว่า เมื่อช่วงปลายปี 2562 เคยช่วย นายอภิชัย ฝังศพหญิงสาวหน้าตาดีรายหนึ่งเอาไว้ในที่ดินรกร้างด้านหลังบ้าน ซึ่งหญิงสาวผู้ตายรายนั้นน่าจะเป็นคู่ขาของ นายอภิชัย ซึ่ง นายอภิชัย เคยพามาอาศัยที่บ้านหลังนี้ จึงเป็นที่มาของการขอหมายค้นเข้าตรวจสอบและให้ นายเฉลิมชล ทำการชี้จุดฝังศพก่อนขุดพบเจอศพที่ถูกฝังเอาไว้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตำรวจจับกุม นายอภิชัย เอาไว้ได้แล้ว เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ ในลักษณะวนไปวนมาเหมือนคนเมายา ว่า มียาไอซ์ของกลางเอาไว้เพื่อเสพ ขณะที่อาวุธปืนมีไว้ป้องกันตัวเท่านั้น สำหรับถังแก็สที่วางเอาไว้ในห้องพักไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ก่อวินาศกรรมยามเจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นแต่อย่างใด ส่วนร่องรอยกระสุนปืนต่างๆ ที่พบภายในบ้านยอมรับว่าชอบยิงเล่นเพราะตัวเองเกิดสภาพหลอนตอนที่เสพยา แต่เรื่องการฆ่าฝังศพหญิงสาวที่พบในที่ดินหลังบ้านนั้นขอปฏิเสธ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าใคร แต่สงสัยว่าศพที่พบ น่าจะเป็นศพของ น.ส.กุ๊กกิ๊ก ชาว จ.สกลนคร อายุประมาณ 22-25 ปี สาวไซด์ไลน์ที่ตนเองเคยพามานอนที่บ้านเมื่อประมาณเดือน ต.ค.62 โดยรู้จักกันผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งตอนนั้นเมื่อ น.ส.กุ๊กกิ๊ก มาถึงบ้านได้เล่าให้ตนฟังว่า เพิ่งถูกรุมโทรมมา ตนจึงหวังดีจะพาไปแจ้งความกับตำรวจ แต่เมื่อ น.ส.กุ๊กกิ๊ก รู้ว่าตนจะพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าตัวก็รีบหายหน้าออกจากบ้านไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหามากนัก จึงประสาน พันตำรวจโท สุนทร มาลาเวช รอง ผกก.สส.สน.เพชรเกษม พันตำรวจโท พัฐกร ปิยธิติภูวดล สว.สส.สน.เพชรเกษม เจ้าของพื้นที่ให้นำกำลังเข้ามาควบคุมผู้ต้องหาและรักษาสภาพที่เกิดเหตุเอาไว้ ก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบก่อนแถลงข่าวให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป