svasdssvasds

“เสี่ยหนู” ปรี๊ดแตก สั่งล่าหน่วยงานทุจริต “บัตรทอง” ลงโทษ

“เสี่ยหนู” ปรี๊ดแตก สั่งล่าหน่วยงานทุจริต “บัตรทอง” ลงโทษ

รมว.สธ. สั่งลุยปราบหน่วยงานทุจริตเบิกงบ สปสช. ปั้นตัวเลข-ข้อมูลปลอม

ล่าสุดภายหลังการตรวจพบการทุจริตในหน่วยงานที่มีการปั้น “ตัวเลข-ข้อมูล” อันเป็นเท็จเพื่อขอเบิกงบจากกองทุนบัตรทอง จาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำให้เป็นที่รู้ทันทีว่า “ขบวนการโกงแผ่นดิน” มีอยู่จริง และยังพยายามหาช่องทางโกงกินอยู่เสมอ

โดยปฏิบัติการตรวจสอบ ปราบปราม ในครั้งนี้นำโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

ทั้งนี้การล่า “ชบวนการโกงแผ่นดิน” ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การสั่งการของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเอง ที่ออกมาพูดชัดถ้อยชัดคำว่า ต้องล้างบางขบวนการทุจริตทั้งขบวนการ

“ผมยอมรับไม่ได้ที่จะมีใครมาปู้ยี่ปู้ยำเงินภาษีของประชาชนซึ่งรัฐจัดสรรไว้สำหรับให้บริการด้านสุขภาพแก่ทุกคน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงได้สั่งการให้ สปสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันตรวจสอบและขยายผล เพื่อนำตัวผู้มีส่วนเกี่ยวจ้องกับการทุจริตทั้งหมดมารับโทษอย่างรุนแรงและเฉียบขาด” นายอนุทิน สั่งการในที่ประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 8 ก.ค. และอีกครั้งคือวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมานี้

 

โดยนายอนุทิน ยินยันว่าเรื่องนี้จะเอาผิดเต็มที่ ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา เพิกถอนสถานพยาบาล และหากพบแพทบ์ พยาบาลเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว จะลงโทษทั้งหมด โดยเฉพาะจรรยาบรรณที่มีโทษรุนแรงถึงการเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ

สำหรับการทุจริตดังกล่าว หลังจากเป็นข่าวดังออกไปก่อนหน้า ได้ถูกจำแนกเป็นสองกลุ่มใหญ่เพื่อการตรวจสอบ ได้แก่

ล้อตแรกซึ่งเป็นสถานบริการ 20 แห่งที่จงใจทุจริต เป็นคลีนิคเอกชน 18 แห่ง และทันตกรรม 2 แห่ง

ล้อตสองเป็นการขยายผลเพิ่มเติมจากล้อตแรก ทำให้มีการตรวจสอบพบการทุจริตเพิ่มอีก 66 แห่ง และตัวลำครสำคัญคือห้องปฏิบัติการ หรือแล้บ จำนวน 2 แห่ง ที่สมรู้ร่วมคิดด้วยการจัดทำเอกสารผลการตรวจปลอม เพื่อให้หน่วยบริการใช้เป็นหลักฐานเบิกเงินกับ สปสช.

“แต่ห้องปฏิบัติการเหล่านั้นไม่ได้เป็นหน่วยบริการหรือคู่สัญญากับ สปสช. ทำให้ สปสช. ไม่มีอำนาจในการดำเนินการใดๆ ตรงนี้ผมจึงประสานความร่วมมือไปยัง ดีเอสไอ สบส. ป.ป.ท. อัยการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่การปูพรมบุกค้น เพื่ออยัดเอกสารหลักฐานมาประกอบการดำเนินคดี” นายอนุทินกล่าวต่อในที่ประชุม

ขณะเดียวกันหลังจากนี้ สปสช. เองก็จะต้องเพิ่มขั้นตอนในการยืนยันตัวบุคคลโดยการใช้ Smart Card Reader หรือ Application เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันเพิ่มเติมในการให้บริการประชาชน ซึ่งถือว่าจำเป็นเพราะเป็นการยืนยันตัวก่อนเข้ารับบริการแต่แรก

related