ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
"ความร่วมมืออินโดแปซิฟิค" กำลังถูกยกระดับความสำคัญขึ้น และเป็นหนึ่งในวาระที่ผู้นำสหรัฐฯ ยกขึ้นมาหารือกับผู้นำไทยด้วย อีกทั้งความร่วมมืออินโดแปซิฟิกก็กำลังถูกมองว่าจะเป็นความร่วมมือที่สหรัฐฯ-อินเดีย และญี่ปุ่น นำมาใช้คานอำนาจกับอิทธิพลของจีนผ่านแผนการนโยบายวันเบลท์ วันโรด
หนึ่งในสาระสำคัญในการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กับ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบสหรัฐฯ ในการเยือนสหรัฐฯ ของผู้นำไทยในครั้งนี้ ก็คือการส่งเสริมในความร่วมมือ “อินโด-แปซิฟิก” ที่สหรัฐฯ ต้องการให้ไทยเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
ความร่วมมือ ‘อินโด-แปซิฟิก’ ไม่ใช่คำใหม่ สำหรับ อินเดีย จีน และญี่ปุ่น โดยได้ริเริ่มขึ้นมาหลายปีก่อนแล้ว แต่ได้รับการตอกย้ำมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่าน
โดยมีการหารือถึงความร่วมมือไตรภาคี สหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา ตามมาด้วยการเดินทางเยือนอินเดียของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา
ความร่วมมืออินโด-แปซิฟิก เป็นการจับมือของมหาอำนาจเศรษฐกิจแห่งแปซิฟิก อย่างญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ที่กำลังผนึกกำลังเข้ากับอินเดีย มหาอำนาจเอเชียใต้ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีนมาทุกยุคทุกสมัย
นั่นจึงทำให้ ความร่วมมืออินโด-แปซิฟิก ถูกมองมากขึ้นว่า เป็นความร่วมมือที่กำลังถูกยกความสำคัญขึ้นมาเพื่อคานอำนาจกับการขยายอิทธิพลจีน ที่กำลังผลักดัน ความร่วมมือ วันเบลท์วันโรด หรือ นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง อย่างเต็มสูบ
โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่จีนได้ไปจับมือกับ ปากีสถาน ประเทศคู่แค้นของอินเดีย ในการพัฒนาโครงสร้างสาธารณนูปโภคอย่างออกหน้าออกตา ภายใต้ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจ จีน-ปากีสถานหรือ CPEC ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า ปากีสถาน และจีน ไม่ถูกกัน
ความร่วมมือระหว่างจีน และปากีสถานสร้างความสั่นสะเทือนให้กับความมั่นคงของอินเดียในเอเชียใต้อย่างที่สุด จนเกือบจะระเบิดเป็นสงครามชายแดนระหว่างจีน และ อินเดียใกล้กับชายแดนภูฏานเมื่อเดือนพฤษภาคม หรือ วิกฤต DOKLAM
ในบทความของสำนักข่าว “ยูเรเซีย รีวิว” ชี้ว่า การปะทะระหว่างอินเดียและจีนในช่วงที่ผ่านมา เริ่มแสดงให้เห็นว่าความร่วมมืออินโด-แปซิฟิก กำลังปะทะ กับ นโยบาย วันเบลท์วันโรด ของจีนอย่างยากที่จะเลี่ยง และจะเป็นความร่วมมือที่ถูกใช้เพื่อสกัดกั้น และถ่วงดุลย์อำนาจกับอิทธิพลจีน ทั้งด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ โดยมีสหรัฐฯ และญี่ปุ่น กระโดดเข้ามาอย่างเต็มตัว
ขณะเดียวกันไปดูข้อความแถลงจากทำเนียบขาว ได้ระบุชัดเจนว่า “วาระที่จะหารือกันระหว่างผู้นำสหรัฐ และผู้นำไทย ก็คือ ความร่วมมืออินโด-แปซิฟิกนี้เอง”
ขณะที่ นาย วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนไทยเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ว่า การหารือของผู้นำทั้งสอง จะเป็น Turning Point ในความสัมพันธ์ของไทย และสหรัฐฯ ครั้งสำคัญทีเดียว
ดังนั้นในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งประเทศศูนย์กลาง และเป็นความหวังของนโยบายวันเบลท์วันโรดของจีน ไทยก็จะต้องกลับมาเล่นเกมการถ่วงดุลย์มหาอำนาจอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง และจะเป็นครั้งที่สำคัญมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่เดิมพันกันด้วยอนาคตของอิทธิพลสหรัฐฯ ในเอเชียและอาเซียนทีเดียว