นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ เสนอแนวคิดการส่งออกยางดิบ เป็นผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปใช้ในประเทศและส่งออกต่างประเทศ
วันนี้(27เม.ย.)นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. เปิดเผยว่าปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่เกิดจากประเทศผู้ผลิตยางไม่สามารถกำหนดราคายางในตลาดโลกเองได้ เพราะราคายางพาราในตลาดส่งมอบจริงถูกกำหนดจากราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ที่ผ่านมาประเทศผู้ผลิตยางพยายามแก้ปัญหาแต่ช่วยยกระดับราคาได้เพียงช่วงสั้น
ส่วนการแก้ปัญหาด้านราคายางพาราของไทยให้เกิดความยั่งยืน จะเปลี่ยนแนวคิดการส่งออกยางดิบ เป็นผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปมากขึ้น โดยจะจัดตั้งบริษัทร่วมค้าร่วมกับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อรวบรวมยางพารา เช่น ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางคอมปาวด์และน้ำยางข้น จากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อแปรรูปเป็น หมอน ที่นอนยางพารา ถุงมือ ถุงเท้ายาง ของใช้ในครัวเรือน เครื่องมือการแพทย์ และ ยางล้อรถยนต์ โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์ยางในระดับอุตสาหกรรม เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศและใช้ในประเทศ
ที่ผ่านมา ราคายางพาราของไทยที่อิงกับราคาตลาดล่วงหน้าของเซี่ยงไฮ้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ทำให้ราคายางดิบของไทยถูกควบคุมจากราคาตลาดซื้อขายล่วงหน้าเหล่านี้ถึง 15บาทต่อกิโลกรัม แต่หลังจากรัฐบาลมีนโยบายจะแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางทำให้ส่วนต่างแคบลงปัจจุบันราคาอยู่ที่ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม จึงเชื่อว่ามาตรการผลักดันการผลิตยางแปรรูปส่งออกจะเห็นผลให้ราคายางในประเทศสูงขึ้นแบบยั่งยืนภายใน 5ปี และจะทำให้การส่งออกของประเทศสูงขึ้นด้วย
ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ผลิตและส่งออกน้ำยางในปริมาณประมาณ 1.2 แสนตันต่อปี ส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เช่น หมอน ที่นอนยางพารา ถุงมือ ถุงเท้ายาง ของใช้ในครัวเรือน เครื่องมือการแพทย์ และ ยางล้อรถยนต์ มีความต้องการจากผู้ใช้ทั่วโลกถึง 7-8 พันล้านคน โดยมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ยางที่แปรรูป จะมีมูลค่าสูงกว่ายางพาราที่เป็นวัตถุดิบ และยางพาราที่แปรรูป มากสูดนับ100 เท่า หากไทยมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ได้จะทำให้ปริมาณยางดิบส่งออกในตลาดโลกลดลงและราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้น