ธนชาต - ทหารไทย ควบรวมกิจการ

ผู้ถือหุ้นหลักพร้อมผู้บริหารจากธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต แถลงข่าวการลงนามบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อรวมกิจการระหว่าง ธนาคารทหารไทย และ ธนาคารธนชาต เพื่อยกระดับการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้า และมุ่งสู่การเป็นธนาคารชั้นนำของไทย โดยเมื่อการรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ ทั้งกระทรวงการคลังและไอเอ็นจี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารทหารไทยและบริษัท ทุนธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารธนชาต จะถือหุ้นในธนาคารใหม่รายละมากกว่า 20% ส่วนธนาคาร โนวาสโกเทียจะลดสัดส่วนหุ้นลงเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

นายจุมพล ริมสาคร ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการของธนาคารทหารไทย มองว่าแผนการรวมกิจการในครั้งนี้มีความลงตัวเหมาะสม เป็นการผนึกกำลังอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทำให้ธนาคารมีความมั่นคงมากขึ้น

ขณะที่ นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ธนชาตในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด เมื่อรวมกับทหารไทยที่มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก จะทำให้หลังรวมกิจการมีต้นทุนการทำธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น มีศักยภาพในการสนับสนุนลูกค้าได้มากขึ้น

สำหรับมูลค่ารวมของธุรกรรมครั้งนี้อยู่ที่ 130,000,000,000 - 140,000,000,000 บาท โดยคู่สัญญาจะตกลงชำระค่าตอบแทนให้แก่กันในรูปแบบของเงินสดและเงินสดส่วนหนึ่งจะนำกลับมาลงทุนในธนาคาร ส่วนการจัดหาเงินทุนนั้น ธนาคารทหารไทยจะออกหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 50,000,000,000 -55,000,000,000 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ บริษัท ทุนธนชาต และธนาคารโนวาสโกเทีย ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 40,000,000,000 - 45,000,000,000 บาท จะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารไอเอ็นจี จากเนเธอร์แลนด์ และนักลงทุนทั่วไปทั้งแบบเจาะจง และคาดว่าธนาคารแห่งใหม่จะมีสินทรัพย์รวมประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท มีฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย โดยคาดว่าการควบรวมกิจการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2562

ทั้งนี้ ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารจะยังคงสามารถทำธุรกรรมกับแต่ละธนาคารผ่านช่องทางบริการที่ใช้อยู่เป็นประจำได้ตามปกติ ทั้งที่สาขา และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์