บินไทย คาดโทษไล่ออก สจ๊วตขนบุหรี่ไฟฟ้า

จากกรณีที่มีการเปิดเผยเรื่องราวที่สจ๊วตการบินไทย ลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้านำเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรจำนวนมาก ก่อนที่จะทิ้งกระเป๋าที่ด้านในบรรจุบุหรี่ไฟฟ้าไว้บนรถของเจ้าหน้าที่สายการบิน ไทย

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในกรณีนี้ว่า ผู้บริหารระดับสูงไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ล่าสุด ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และสั่งให้พนักงานหยุดปฏิบัติหน้าที่ลูกเรือ โดยให้มาทำงานที่สำนักงานใหญ่ชั่วคราวในช่วงที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่าเป็นความผิดของพนักงานจะลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด พร้อมย้ำว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยเตรียมขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ด้วย เพื่อขจัดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ให้หมดไป ซึ่งจะเร่งทำเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะจะตอบสังคมไม่ได้

ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงว่าสจ๊วตรายดังกล่าว ป่วยกระทันหัน นายสุเมธ บอกว่าหากป่วยจริงก็สามารถใช้สิทธิ์ลาป่วยได้ แต่ถ้าหากสืบแล้วพบว่าไม่ป่วยจริงแล้วใช้สิทธิ์ลาป่วย จะถือว่าเป็นการแจ้งเท็จโดยจะมีความผิดเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือการลาโดยไม่มีสิทธิ์

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หลังมีผู้โดยสารสังเกตเห็นพนักงานต้อนรับชายสายการบินไทย หรือ สจ๊วด ลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก จากเมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น มากับเที่ยวบิน TG 677 และเมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรไทยเข้าตรวจสอบกลับพบเพียงกระเป๋าสัมภาระที่ด้านในมีบุหรี่ไฟฟ้า 100 ชิ้น และไส้บุหรี่อีก 100 ชิ้น รวมมูลค่า 300,000 บาท ขณะที่เจ้าของกระเป๋ายังคงลอยนวล ซึ่งสินค้าทั้งหมด หากนำมาขายต่อจะมีราคาเพิ่มเป็น 2 เท่า สำคัญคือเป็นสินค้าผิดกฎหมาย โทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังอาจได้รับโทษอีกหลายกระทง