ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ร่างกฎกระทรวงฯฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของปปง.ให้เสมอกับมาตรฐานสากล เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ให้สอดคล้องมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (International Standards on Combating Money Laundering and the Financing of Terrorism and Proliferation) และเพื่อให้การบังคับใช้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจากประเทศไทยได้เข้ารับการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย มาตรฐานสากลด้านAML/CFT ผลปรากฏว่าประเทศไทยยังมี 17 ประเด็นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น 1) ข้อกำหนดเกี่ยวกับความเสี่ยงและมาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อบรรเทาความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ใช้บังคับกับสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 2) ข้อกำหนดที่ให้สถาบันการเงินดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าอย่างเข้มข้นสำหรับลูกค้าที่เป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ยังไม่ได้รวมถึงการกำหนดให้ต้องดำเนินมาตรการเพื่อให้ทราบถึงแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของลูกค้า 3) ยังไม่มีข้อกำหนดห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมหากสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
ทั้งนี้ สาระของร่างกฎกระทรวงมีประเด็นสำคัญ อาทิ การกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น ผู้ค้าอัญมณี ผู้ค้าหรือเช่าซื้อรถยนต์ นายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ต้องดำเนินการประเมิน บริหาร และบรรเทาความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธ หากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินฯ สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา16 ต้องไม่ทำธุรกรรมกับลูกค้าดังกล่าว และรายงานเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยต่อสำนักงาน ปปง. มากไปกว่านั้น
กรณีที่มีการให้บริการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ข้ามประเทศที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป สถาบันการเงินผู้สั่งคำสั่งโอนและสถาบันการเงินผู้รับคำสั่งโอนต้องดำเนินการส่งและรับข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอนพร้อมคำสั่งโอนเงิน โดยคำสั่งโอนเงินต้องมีข้อมูลของผู้โอนและผู้รับโอน
โดยสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่ต้องดำเนินการมีทั้งหมด 9 อาชีพ
1.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการดำเนินการการให้คำแนะนำ หรือบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน การลงทุน หรือการเคลื่อนย้ายเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่มิใช่สถาบันการเงิน
2.ผู้ประกอบการอัญมณี เพชร พลอย ทองคำ
3.ผู้ประกอบการอาชีพค้าหรือให้เช่าซื้อรถยนต์
4.นายหน้าหรือตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
5.ผู้ประกอบอาชีพค้าของเก่าและวัตถุโบราณ
6.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคล
7.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์
8.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
9.ผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์