svasdssvasds

คดีพลิก! “เจ๊ติ๋ม” มีลุ้น... ศาลปกครองสูงสุด สั่งรับคดีไทยทีวี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย กสทช.

คดีพลิก! “เจ๊ติ๋ม” มีลุ้น... ศาลปกครองสูงสุด สั่งรับคดีไทยทีวี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย กสทช.

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดี “ไทยทีวี” ฟ้อง กสทช.  เรียกร้องค่าเสียหาย กสทช. และขอให้เพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตทีวีดิจิตอล 

วันที่ 14 ก.ค. 60 -- เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ อ่านคำสั่งให้กลับคำสั่ง ศาลปกครองชั้นต้น ให้รับคำฟ้อง คดีที่ บริษัท ไทยทีวี จำกัด โดย นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร หรือ เจ๊ติ๋ม ที่ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และประกอบกิจการโทรทัศน์ และข้อหาที่ฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย ไว้พิจารณา 

 

คดีพลิก! “เจ๊ติ๋ม” มีลุ้น... ศาลปกครองสูงสุด สั่งรับคดีไทยทีวี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย กสทช.

 

โดยคดีนี้ บริษัทไทยทีวี ฟ้องว่า เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอล 2 ช่อง จากการประมูลที่ กสทช. โฆษณาเชิญชวน แต่ กสทช. กลับไม่สามารถทำให้การเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไประบบดิจิตอลเป็นไปตามกฎหมาย ทำให้โครงข่ายไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ 

รวมถึง กสทช. เพิ่งจะบังคับใช้ประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์ ให้ผู้ให้บริการออกอากาศในหมายเลขช่องที่ตรงกับการประมูล ในเดือนมกราคม 2559 ทั้งที่การเปลี่ยนผ่านระบบดิจิตอลเริ่มดำเนินการปี 2555 ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้บริษัทไทยทีวีได้รับความเสียหาย

บริษัทไทยทีวี จึงมีหนังสือเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 เพื่อขอยกเลิกการประกอบกิจการทั้ง 2 ช่อง พร้อมเสนอมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการ แต่ กสทช. กลับมีหนังสือแจ้งให้บริษัทไทยทีวีชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภาคพื้นดิน ในระบบดิจิตอลรายปี และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ (ค่าประมูลความถี่) กว่า1,700 ล้านบาท มิฉะนั้นจะใช้มาตรการทางปกครอง พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต และให้บริษัทไทยทีวีชี้แจงผู้ใช้บริการเป็นตัวหนังสือวิ่งหน้าจอ 

ซึ่งกรณีดังกล่าว ไทยทีวี ได้ฟ้อง กสทช. ไว้ในคดีดำหมายเลข 1164/2558 ของศาลปกครองกลางเพื่อให้ กสทช. ชำระค่าเสียหายจากการละเลยต่อหน้าที่ และไม่ดำเนินการตามที่ได้ประกาศเชิญชวนให้เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 

พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 และให้ กสทช. ชดใช้เงิน 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนับจากวันฟ้องคดี พร้อมให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งหมด 

แต่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งเป็นศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่า กสทช.ออกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต จากการที่ไทยทีวีไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบทีวีดิจิตอลรายปี และค่าใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 

และเมื่อพิจารณาเนื้อหาคำสั่ง กสทช. แล้ว เห็นว่าเป็นการออกคำสั่งพักใบอนุญาต ภายหลังทีวีไทยได้ยุติประกอบกิจการโทรทัศน์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ประกอบกับทีวีไทยมีหนังสือลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 แจ้งขอยกเลิกใบอนุญาตกับ กสทช. เป็นการแสดงเจตนาว่า ไทยทีวีไม่ประสงค์ประกอบกิจการตามใบอนุญาตที่ได้รับ แม้ กสทช. จะมีคำสั่งพักใบอนุญาต ก็มิได้ทำให้บริษัทไทยทีวี ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว 

ส่วนคำขอให้ กสทช. ชดใช้ค่าเสียหาย เห็นว่า ไทยทีวีไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากคำสั่ง จึงเอาคดีมาฟ้องไม่ได้ ศาลไม่รับคำฟ้อง 

ต่อมาบริษัทไทยทีวี จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีที่ไทยทีวีถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตย่อมแสดงว่า เป็นการไม่ปฏิบัติหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือคำสั่ง กสทช. มีผลต่อสิทธิและหน้าที่ของไทยทีวี ตามกำหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต 

อีกทั้งไทยทีวีอ้างว่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและเรียกค่าเสียหายในกรณีดังกล่าว จึงถือว่าไทยทีวีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน หากคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิฟ้องคดีนี้ ศาลชั้นต้นสามารถรับคำฟ้องในข้อหาที่ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตไว้พิจารณาได้ 

ส่วนข้อหาที่ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้นทีวีไทยไม่อาจฟ้อง กรรมการ กสทช.ในฐานะเจ้าหน้าที่ได้ แต่ต้องฟ้องสำนักงาน กสทช. อันเป็นหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบงานของไทยทีวี จึงมีคำสั่งเป็นให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาโดยให้ผู้ฟ้องแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องให้ถูกต้องครบถ้วนในการที่จะฟ้องสำนักงาน กสทช. ในข้อหาที่จะให้ชดใช้ค่าเสียหาย

 

related