ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ฉายแววเป็นซุปตาร์ตัวจิ๋วที่มีแฟนคลับทั้งสาวน้อยสาวใหญ่คอยรุมล้อม สำหรับ "น้องเรซซิ่ง" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณแม่มากฝีมืออย่าง "แพท ณปภา ตันตระกูล " และ"คุณพ่อเบนซ์ เรซซิ่ง" โดยล่าสุดคุณแม่ แพท-ณปภา ได้อุ้มน้องเรซซิ่ง มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์คู่กันครั้งแรกในงาน Junior Run way Autumn 2017 หลังจากนั้นก็ได้อัพเดตพัฒนาการของน้องเรซซิ่ง ลูกชายวัย 7 เดือนให้ฟัง
โดย แพท เผยว่า "พัฒนาการน้องตอนนี้ก็ดีนะคะ คือจริงๆ เราอาจจะไปเทียบกับเจ๊เปาไง เจ๊แกพูดเก่งไงแล้ววันนั้นได้ไปเจอกัน เราก็รู้สึกแบบหรือลูกเราไม่ฉลาด แล้วตอนน้องไปหาหมอไปฉีดวัคซีนคำถามที่ถามคือ หมอคะเรซซิ่งพัฒนาการช้ามั้ย หมอก็บอกว่าช้าอะไร ไม่ช้านะ โอเคแล้ว เราก็บอกแล้วทำไมถึงพูดไม่ได้ หมอก็บอกว่าคุณแม่กำลังเอาไปเทียบกับเจ๊เปาใช่มั้ย คืออย่างเจ๊เปาเป็นกรณีพิเศษที่พูดเร็ว แต่โดยปกติเด็กผู้ชายพูดช้าอยู่แล้ว แต่ว่าจะมีพัฒนาการด้านอื่นเร็ว เช่นการคลาน การคืบ อย่างน้องตอนนี้คือคืบแต่ไม่คลาน แต่เกาะยืนแล้ว ก็คือข้ามสเต็ปค่ะ"
"ส่วนเรื่องการพูด ก็ไม่แน่ใจว่าเด็กจะเริ่มพูดได้วัยไหน บางคน 9 เดือนเริ่มพูด ยิ่งเป็นผู้ชายอาจจะพูดช้าหน่อย สำหรับคำท้าให้น้องเรียกชื่อ บอกเลยว่าเลิกท้าเถอะ ยอมแล้ว คุณหมอบอกว่าเด็กจะพูดสระอามาก่อน ส่วนเรื่องที่มาริโอ้จะอุ้มก็ต้องเสียตังค์ จริงๆ ก็ทุกคนค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช้อย่างนั้น เป็นการรับขวัญหลาน โอ้ยังไม่เคยเจอหลานไม่เคยรับขวัญหลานเลย ให้เรซเล็กๆน้อยๆกำลังดี ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ ไม่ทุกคนมีน้อยให้น้อยมีมากให้มาก ที่บอกว่าถ้าอุ้มหอมแก้มต้องเสียตังค์มันไม่ใช่แบบนั้น จริงๆมันเป็นมุก ใครอุ้มก็ให้อุ้มหมด เพียงแต่คุณลุงคุณป้าอยากจะให้หลานเองอยู่แล้ว อย่างเจ๊เปามาเยี่ยมเฮียเรซก็เอาทองมาให้ ซึ่งเราไม่ได้บอกไม่ได้ขอเลย เราแค่แซวแต่จริงๆไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เขาเอ็นดูลูกเราก็ชื่นใจแล้ว"
"ตอนนี้ลูกดังกว่าแม่แล้ว เราเป็นแม่วันนี้เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไงที่มีคนมาเอ็นดูลูกเรา มันเป็นความรู้สึกที่เราก็พูดไม่ถูก คือทุกวันนี้เราเดินห้างคนเรียกลูกเยอะมาก เราไม่มีใครเรียกเลย หรือเรียกเราก็เพราะอยากเห็นลูก บางคนก็เรียกพี่แพทๆ ขอถ่ายรูปกับน้องหน่อย เราก็เลยแบบเอาเราด้วยมั้ยคะ(หัวเราะ)"
นอกจากนี้ "แพท" ยังเผยอีกว่าไปเยี่ยม "เบนซ์ เรซิ่ง" อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อาทิตย์ละ 1 วัน ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่อยากเจอลูกในตอนนี้ ไม่อยากรู้สึกไม่โอเค
"แพท ก็อัพเดตพัฒนาการของลูกให้พี่เบนซ์ฟังตลอด เราเข้าใจเขาเลย เวลาเราไปเยี่ยมก็จะอธิบายให้ฟังว่าลูกเขาเก่งขนาดไหน ลูกเขาไปถึงไหนแล้ว เขาก็อยากออกมาเลี้ยงลูกเขาเอง เราก็บอกให้รอก่อน มันก็ต้องมีวันนั้นแหละ อย่าถามว่าเมื่อไหร่แพท ก็ตอบไม่ได้ เขาจะนับวัน เขาจะจำได้รายละเอียดทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่ลูกเขาเกิด เขาจะถามเราว่าครบ 7 เดือนแล้วฉีดวัคซีนหรือยัง ตอนนี้เดินหรือยัง ฟันขึ้นหรือยัง ตามปกติแพทไปเยี่ยมเขาอาทิตย์ละวันมันได้แค่นี้"
เบนซ์กลัวลูกจำหน้าไม่ได้ บอกเห็นแค่รูป ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด
"แพทก็จะสอนให้เรียกป๊ะป๋า แต่มันคงเติมกันไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเราจะเอารูปให้ดู แต่เด็กเขาไม่ได้สัมผัสจากการใกล้ชิดว่าใครอุ้มเขา คนนี้คือใคร ยิ่งตอนนี้เขาจำหน้าคน เขารู้ว่าให้คนนี้อุ้มได้ แต่คนนี้ให้อุ้มแป๊บเดียวแล้วก็จะหันหาแม่แล้ว เขากลัวลูกจำหน้าไม่ได้ที่สุด ซึ่งอันนี้แพทเข้าใจเลย เขาพูดตลอดว่าลูกจะจำหน้าเขาได้มั้ย ลูกจะยอมให้อุ้มมั้ย แพทก็บอกว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา พอคุณออกมาคุณก็ต้องมาทำหน้าที่ของคุณ อยากให้ลูกเล่นด้วยก็ต้องทำ"
"ส่วนเรื่องคดี ตอนนี้แพทยังตอบอะไรไม่ได้เพราะคนที่ดูแลหลักๆคือฝั่งของคุณแม่และพี่ชายพี่เบนซ์ ส่วนเรามีหน้าที่หลักทำงานเลี้ยงลูก เราทำงานเกือบทุกวัน เขาก็คิดว่าให้เราทำงานให้เต็มที่ ส่วนเรื่องนั้นเขาจะดูเอง เราก็ไม่ค่อยได้ถามเท่าไหร่ แพทวิ่งสองบ้านวิ่งมาบ้านแพทเพื่อดูแลแม่ แล้วเวลากลับไปอีกบ้านเวลามันเหลือบกัน เดี๋ยวเขามีอะไรก็คงมาเล่าให้ฟัง แต่แพทก็กลัวทุกวันว่ามันจะต้องดี ตอนนี้ก็ทำในสิ่งที่ต้องทำให้หมดทุกทางไปก่อน แต่บางอย่างมันก็ต้องใช้เวลา"
"ส่วนการเลี้ยงเรซซิ่งก็เหมือนมีเพื่อนค่ะ ทุกวันนี้มีความสุขมาก เพิ่งเข้าใจเหมือนกันที่บอกว่าเติมเต็มมันเป็นแบบนี้นี่เอง หน้าที่เราก็ยังเหมือนเดิมดูแลคุณแม่ ดูแลครอบครัวเป็นหลัก เอาเขามาเติมเต็มในหลายๆ ส่วนของเราไปไหนก็เหมือนมีเพื่อน ถึงเขาจะยังพูดไม่ได้ก็ตาม แล้วเวลาก็เหมือนผ่านไปเร็ว แป๊บๆ 7 เดือนแล้ว ก็เหมือนมีอะไรเข้ามาให้เราผ่านทุกๆ วันไปได้ค่ะ"