เลิกซดเกาเหลา! "ธัญญ่า-พิ้งกี้" จับมือเดินหน้า "เราเคยผ่านเรื่องร้ายมาด้วยกัน"

กลายเป็นที่ฮืฮาเมื่อ "โครงการ เที่ยวให้สุด ปักหมุด สุดแดนใต้" จัดโดย เป๊ก สัณชัย เองตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อาร์ พี เอ็ม มีเดีย จำกัด ณ ห้องสตูดิโอ 9 ศูนย์การค้า Show DC พระราม9

โดยภายในงานได้เชิญ "ธัญญ่า" ธัญญาเรศ เองตระกูล และ "พิงกี้" สาวิกา ไชยเดช งานนี้ทำเอาแปลกใจกันไปทั่วทั้งเมือง เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่จะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง หลังเคยมีข่าวฉาวสะท้านวงการเมื่อ 6 ปีก่อน โดยช่วงท้ายของงานบนเวที "ธัญญ่า" พูดในช่วงท้ายว่า "ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ มันก็จบลงได้เช่นกัน" และหลังจากนั้น ธัญญ่าและพิงกี้ ก็ได้ตั้งโต๊ะเพื่อเคลียร์ถึงเรื่องในอดีต และเผยที่มาของการร่วมงานกันว่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของโปรเจกต์นี้

ธัญญ่า : ก็พี่เป๊กได้มาร่วมงานกับ ททท. และได้ทำโครงการเที่ยวให้สุด ปักหมุด สุดแดนใต้ พี่เป๊กก็มาถามกับธัญญ่าว่า สามารถร่วมงานกับพิงกี้ได้มั้ย เราก็คิดแป๊บนึง มันก็ไม่มีอะไรแล้ว ก็เลยรับทำงานนี้ เราก็อยากให้คนรุ่นใหม่เห็นถึงความสวยงามของสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย

พิงกี้ : ตอนแรกไม่เข้าใจจุดประสงค์ว่าการเอาสองคนนี้มาคืออะไร แต่พอดูแกนหลักของโปรเจกต์ก็เข้าใจแล้วถ้าเรื่องในอดีต มันผ่านมานานแล้ว เราก็เลยตกปากรับคำ ครั้งหนึ่งเราไม่เข้าใจต่อกัน มาตอนนี้ก็ดีใจ พี่เค้าเป็นคนที่กี้รักมากตอนถ่ายแบบพี่ธัญญ่าตัวหอมมาก เราก็เขินมาก ส่วนคนที่ติดต่อมาให้ร่วมงานเป็นทีมงานติดต่อมาค่ะ ถ้าพี่เป๊กติดต่อเราก็คงไม่รับทำ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถามพี่เป๊กมั้ยทำไมเลือกพิงกี้

ธัญญ่า : อย่างที่เรารู้ว่าสามชายแดนใต้มันเกิดขึ้นนาน เค้าเลยอยากให้เราเป็นตัวแทนว่า ถึงแม้เราจะเคยขัดแย้งกัน แต่เราก็สามารถกลับมีคืนดีกันได้ ไม่ได้ตกใจนะ เพราะเรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว เราไม่ได้ติดใจอะไร มันเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต่างคนก็ดำเนินชีวิตของตัวเอง 6 ปีที่ผ่านมาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย วันฟิตติ้งตอนแรกก็ตื่นเต้นนะ ว่าพอเจอจะทำหน้ายังไง จะทักทายยังไง มันวางแผนไม่ได้ พอถึงเราก็ทำงานเลย ตอนแรกมันอาจจะไม่สนิทใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พอทำงานไป 2-3 นาทีก็สนิทใจมากขึ้นค่ะ

พิงกี้ : ครั้งแรกที่เจอกัน เราก็เข้าไปกอดกันเลยค่ะ มันมีพลังงานที่รู้สึกว่าเราเจอเค้าแล้วอบอุ่นอ่ะ

เมื่อถามต่อว่าสลายดราม่ามั้ย

ธัญญ่า : ดราม่าไม่มีค่ะ ถ้ามันมีดราม่านะ ธัญญ่าไม่รับทำงานนี้แน่นอนค่ะ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทัศนคติที่ไม่ดีหายไปหมดเลยหรือไม่

พิงกี้ : ใช่ค่ะ คือตอนนี้เรามีพี่สาวอีกคนที่เราคุยแล้วรู้สึกสบายใจ ขอบคุณพี่ธัญญ่าด้วยค่ะ ที่เสียงสั่นเพราะเราเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว คุยกับพี่เป๊กก็ตอนรับโปรเจกต์นี้ แล้วก็ตอนไปประชุมที่บ้านพี่ธัญญ่าค่ะ พี่ฉอดก็ไปด้วย ก็คุยกัน นั่งกินข้าวพร้อมกับ ที่พี่ญ่า คุณแม่ ก็สบายใจค่ะ กับพี่ญ่าก็มานั่งคุยและมองไปในอนาคตด้วยกันค่ะ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีนั่งคุยเรื่องที่ว่าจะให้สัมภาษณ์ยังไงมั้ย ธัญญ่า : ไม่ค่ะ แค่คุยกันว่า ตื่นเต้นเนอะ

เมื่อถามต่อว่า คนมองว่าเราสร้างภาพ ธัญญ่า : ไปกำหนดไม่ได้ คนที่มองแง่ลบต้องมีอยู่แล้ว ใครจะคิดในแง่ลบก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่มองในแง่ดี แค่รู้ว่าสามจังหวัดชายแดนใต้คือสิ่งที่สวยงาม ก็พอแล้วค่ะ ที่ผ่านมาไม่มีใครติดต่อทำงาน มีแต่พี่เป๊กนี้แหละกล้าค่ะ

สำหรับเรื่องค่าตัว ธัญญ่า : ต้องไปถามพี่เป๊กค่ะ

พิงกี้ : เรื่องค่าตัว ต่อให้มีเท่าไหร่ ถ้าเราไม่เล่นก็ไม่เล่นหรอก ถ้ามันก้าวข้ามตรงนี้ได้ เรื่องเงินก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ"

ธัญญ่า : แต่ถ้าได้เงินเยอะๆ ก็เอานะคะ(ยิ้ม)

เมื่อถามต่ออีกว่า เป็นพี่สาว น้องสาวได้มั้ย ธัญญ่า : ได้ค่ะ อย่างที่บอกเราเคยผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกัน มีความขัดแย้ง พอเรามาเจอกันมาจูนกันก็ได้นะ แต่เราผ่านอะไรมาด้วยกันค่อนข้างโชกโชน แต่มาวันนี้ความเป็นพี่น้องสนิทใจมากขึ้นค่ะ

เมื่อถามว่าได้เปิดใจเคลียร์มั้ย ธัญญ่า : ไม่คุยค่ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว

พิงกี้ : ไม่คุยค่ะ แค่คุยกันในไลน์เรื่องชุดเป็นยังไง

สุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า คุณแม่พิงกี้ว่ายังไงบ้าง พิงกี้ : คุณแม่ก็ซัพพอร์ตข้างๆ อยู่แล้วค่ะ จริงๆ เราโตพอที่เราจะตัดสินใจได้ อะไรที่เราทำได้คุณแม่ก็เข้าใจค่ะ