svasdssvasds

“ตูน บอดี้สแลม” มอบเงิน วิ่งช่วย 7 โรงพยาบาลภาคใต้

“ตูน บอดี้สแลม” มอบเงิน วิ่งช่วย 7 โรงพยาบาลภาคใต้

“ตูน บอดี้สแลม” ควง “ก้อย รัชวิน” และทีมงานมูลนิธิก้าวคนละก้าว มอบเงินบริจาคให้แก่ 7 โรงพยาบาลภาคใต้ ตามโครงการวิ่งการกุศล“ก้าวคนละก้าว”ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ (ภาคใต้) เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งได้จัดวิ่งการกุศลเมื่อวันที่24 - 27ตุลาคม2562ที่ผ่านมา พร้อมเชิญชวนออกกำลังกายป้องกันโรค และหากจำเป็นต้องไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องใส่หน้ากากอนามัย

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.63 ที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ชั้น 6 ตึกคุณพุ่ม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม พร้อมด้วยนางสาวรัชวิน วงศ์วิริยะ หรือก้อย และทีมงานมูลนิธิก้าวคนละก้าว ได้นำเงินที่ได้จากการรับบริจาคจากการวิ่งการกุศล“ก้าวคนละก้าว”ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ (ภาคใต้) ในการระดมทุนช่วยเหลือ7โรงพยาบาลภาคใต้ เส้นทางตรัง-กระบี่-พังงา-ภูเก็ต ระยะทางรวม377.1กิโลเมตร ในระหว่างวันที่24-27ตุลาคม2562ที่ผ่านมา โดยทำการปิดการรับบริจาคเมื่อวันที่30พฤศจิกายน2562มียอดเงินบริจาครวม 60,035,545บาท

“ตูน บอดี้สแลม” มอบเงิน วิ่งช่วย 7 โรงพยาบาลภาคใต้

สำหรับเงินที่รับบริจาคดังกล่าว ได้แบ่งเป็น2ส่วน คือ ร้อยละ50จัดสรรให้กับทั้ง7โรงพยาบาลเท่ากัน และอีกร้อยละ50จัดสรรเงินตามจำนวนเตียงของแต่ละโรงพยาบาลนั้นๆ ของทั้ง7โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลตรัง จำนวน10,268,103.80บาท, โรงพยาบาลกระบี่ จำนวน7,962,359.61บาท, โรงพยาบาลพังงา จำนวน6,604,771.91บาท , โรงพยาบาลตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จำนวน6,540,124.87บาท, โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จำนวน10,752,956.55บาท, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี จังหวัดปัตตานี จำนวน5,473,448.82 และโรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน12,433,779.42บาท โดยมีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทั้ง7แห่งเข้ารับมอบ และมีบุคลากรจากโรงพยาบาลต่างๆ ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

“ตูน บอดี้สแลม” มอบเงิน วิ่งช่วย 7 โรงพยาบาลภาคใต้

โอกาสนี้ ตูน บอดี้สแลม ได้กล่าวขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ได้ร่วมกันบริจาคจนยอดเงินทะลุถึง60ล้านบาท และขอบคุณโรงพยาบาลทั้ง7โรงพยาบาล ที่ได้ส่งอุปกรณ์การแพทย์ และอาหารต่างๆ ในการดูแลทีมงานตลอดช่วงการวิ่งที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณทุกคนที่ได้ร่วมกันสร้างสถิติในร่วมกันวิ่งในภาคใต้กว่า1หมื่น3พันคน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการวิ่งกับมูลนิธิก้าวคนละก้าวในขณะนี้ โดยการวิ่งภายใต้โครงการนี้ยังเหลืออีก 2 ภาคเป้าหมายเพื่อต้องการสื่อสารไปยังโรงพยาบาลที่ต้องการความสนับสนุนเพิ่มเติมจากคนไทย และสิ่งที่ต้องการมากที่สุด คือ อยากเห็นคนไทยหันมาออกกำลังกาย เพราะเชื่อว่านั่นคือ การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดเกี่ยวกับโรงพยาบาล และจากการที่เราจัดกิจกรรมในช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่เราได้รับทราบคือ ผู้ที่ไปใช้บริการในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากการไม่ดูแลตัวเองและสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องการให้คนทั่วไปได้เห็นคุณค่าและมีความสุขกับการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง ซึ่งเชื่อว่าไม่มากก็น้อยที่จะช่วยลดจำนวนผู้ที่จะเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็นได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะนี้มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ซึ่งตูน บอกว่า จากการพูดคุยกับคุณหมอทราบว่า เราสามารถที่จะป้องกันตัวเองได้ และคนที่แข็งแรงไวรัสก็ทำอะไรได้ยาก ฉะนั้นทางเลือกคือ จะต้องทำร่างกายให้แข็งแรง และควรหลีกเลี่ยงที่จะออกไปอยู่ในที่เสี่ยง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องป้องกันตนเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย

related