นิโคล เทริโอ เปิดใจทั้งน้ำตา เล่าความรักที่ทำให้อกหักจนปางตาย เห็นจะจะคาตาว่าผู้ชายที่คบจูงมือผู้หญิงอื่น เผยเป็นรักแท้ที่เจ็บที่สุด พร้อมควงลูกชาย ทิกเกอร์ สารภาพความในใจ
นิโคล เทริโอ ควงลูกชายสุดที่รัก ทิกเกอร์ มาเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษใน รายการ Club Friday Show ผลิตโดย เช้นจ์2561 โดยเจ้าตัวยอมให้ล้วงลึกเรื่องราวชีวิตรักที่เล่าให้ฟังทั้งน้ำตา ถึงความรักครั้งหนึ่งที่ทำให้ตัวเองอกหักจนปางตาย
เพราะเห็นจะจะคาตาว่าคนที่ตัวเองคบจูงมืออยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยตัวเอง ขนาดมีคนเตือนความเจ้าชู้มาเพียบ แต่ก็ไม่ฟังจนได้เห็นด้วยตาตัวเอง ยอมรับเป็นรักแท้ที่เจ็บที่สุดในชีวิต พร้อมเปิดใจชีวิตแต่งงาน คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
ชีวิตแต่งงานเป็นไปอย่างที่คิดหรือเปล่าหลังจากแต่งงาน?
นิโคล : เป็นค่ะ จนกี้ (พูดด้วยเสียงน้ำตาคลอ) มีทิกเกอร์ การแต่งงานก็เป็นอย่างที่คิด เพราะทิกเกอร์เขาเป็นส่วนที่มาเติมเต็มหัวใจเรา (นี่เป็นน้ำตาของความสุขเป็นอะไรที่ดีที่สุด) คือ หลายๆ คนมักถามเราว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากจะเปลี่ยนอะไรไหม เราไม่เคยมีความคิดนั้นแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเราได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมาก็คือลูก"
ในวันที่ตัดสินใจว่าจะเดินออกมา ตัดสินใจที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนเดียว คิดหนักไหม?
นิโคล : "คิดหนักค่ะ แต่เราก็พยายามเท่าที่ทำได้แล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเรามีสติ นึกถึงลูกเป็นหลัก ความรู้สึกของลูกสำคัญที่สุด ความรู้สึกทั้งกี้ และ พ่อของเขา ออกไปก่อนเลย ยิ่งตอนนี้ ยิ่งรู้ว่าเราตัดสินใจถูกต้อง เพราะเราไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของพี่แมว จริงๆ แหนวกับพี่แมว คือ เนื้อคู่กัน ซึ่งเรากับพี่แมว ตอนนี้เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ยังเป็นครอบครัวที่ดีต่อกัน"
บางคนอาจจะรู้สึกแปลกที่ทำไมกลับมาสมัครสมานสามัคคีกันได้ เราใช้เวลานานไหมกว่าจะมาเป็นเพื่อนกัน?
นิโคล : "กี้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาที่จะเป็นเพื่อนกันเลยเพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้แต่ต้องมาเซ็นใบถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าทุกชีวิตมันไม่เหมือนกันอันนี้เป็นทางออกแล้วตอนนั้นดีที่สุด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆพี่แมว ไปเจอเนื้อคู่ของเขาจริงๆ กี้ไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่แมว แต่ฟ้าลิขิตมาให้เราใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่ง แล้วก็ได้มีลูก คือ ทิกเกอร์ นี่คือฟ้าลิขิตมาและขอบคุณมากๆ จำได้เลยวันที่ แจ๊สเปอร์ เกิด กี้ กับ ทิกเกอร์ คือ ตื่นเต้นมากแล้ว ทิกเกอร์ ได้อุ้มน้องเราไม่เคยมีอะไรที่แบบบางคนจะคิดว่ามันมีอะไรหรือเปล่าไม่มีเลย แหนว เป็นผู้หญิงที่น่ารักมากและดูแลพี่แมวดีมากและรัก ทิกเกอร์ เพราะฉะนั้นเป็นอะไรที่เราโชคดีที่มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นและรักกัน"
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมีความกลัวอะไรบ้าง?
นิโคล : "กลัวที่จะเลี้ยงลูกยังไง เพราะว่ามัน ... น่ากลัวค่ะ เพราะเราเป็นศิลปินไม่รับงานหายไปเลย 5 ปี คนลืม กี้ ไปแล้วและเราต้องมาเริ่มใหม่ กลับกลายเป็นว่าลูกเป็นแรงบันดาลใจ เป็นพลังที่ขับเคลื่อนเรา ถ้าไม่มีลูกคงจะแย่ เพราะว่าเราไม่ได้รักตัวเองเท่ากับรักลูก การที่เราไม่ได้รักตัวเอง เราอาจจะปล่อยตัวเองให้เละเทะช่างมันเถอะ"
ย้อนกลับไปถามการเข้ามาเป็นศิลปินดังของ นิโคล ความรักที่เข้ามาตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
"ก็ดีเป็นช่วงชีวิตที่ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟเลยค่ะ ที่ถูกใจคนคนนี้เพราะเขาน่ารักเขาพูดคุยสนุกสนาน พูดภาษาอังกฤษและก็เฮฮา เวลาเราเครียดเรื่องงานเวลาเจอเขาเราหายเครียดเพราะเขาเป็นคนอารมณ์ดี เขาไม่มีมุมเศร้าเลยใครอยู่ด้วยก็จะเคลิบเคลิ้ม
มีคนเตือนไหมว่าเขาเจ้าชู้
นิโคล : "ตอนก่อนเป็นแฟนไม่ได้เตือนค่ะ แต่พอเป็นแฟนแล้วเตือนเพียบเลย แต่เราก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเตือนกัน เพราะเราเชื่อเราจะทุกข์เพราะ กี้ ไม่ได้เป็นคนเช็กโทรศัพท์ กี้ จะถามเขาคำเดียวว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่า เพราะถ้าเขาพูดว่าจริงหรือไม่จริงเราจะไม่สืบไม่เชื่อคนอื่นเลย จนกระทั่งเราเห็นด้วยตาตัวเอง คือตอนนั้นเขาไม่ค่อยมาหาเราเพราะงานเขาเยอะ งานเราก็เยอะ โอเคเชื่อๆ แล้วมีอยู่วันเพื่อนรักพาไปกินซูชิที่ ทองหล่อ ร้านก็จะเป็นกระจกใหญ่ๆ แล้วนั่งหันหน้าออกเราจะเห็นนอกร้าน"
"ตอนนั้นเรากำลังจะทานแล้วเห็นเขาเดินผ่านมาแล้วเขาจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่งผ่านหน้ามาเลย แต่เขาไม่เห็นเราเพราะเรานั่งอยู่ในร้าน จำได้ติดตาเลยเขาใส่เสื้อสีแดง แต่เราก็ไม่ได้ลุยตามไปเคลียร์นะคะ คือ ตอนนั้นช็อก ตัวชา หน้าชาแล้ว กี้ ก็โทรหาเขาเขาก็ไม่ยอมรับบอกไม่ใช่ ไม่จริง แต่เราก็ไม่เลิก แต่เราก็บอกเขาว่าเลิกเถอะ ปล่อยเราไปเถอะเราจะได้เดินต่อได้"
แต่ก็มีความรักครั้งหนึ่งที่ทำให้อกหักจนถึงขั้นปางตาย ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น?
นิโคล : "ตอนนั้นคือจะไปนั่งก็นั่งไม่ได้ จะนอนก็นอนไม่ได้ จะยืนก็ไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนแบบนี้จริงๆนะคะ แบบบ้านหมุน มันเคว้งคว้างมาก แล้วมีอยู่วันหนึ่งตอนนั้นช่วงคอนเสิร์ต Seven ด้วยนะคะ เผอิญ พี่ใหม่ เจริญปุระ ก็พักอยู่ชั้นบนที่คอนโดเดียวกันกับเรา กี้ ก็แบบว่าใครตอนนั้นเราร้องไห้อยู่นะ (พอได้ยินเสียงเคาะประตู ทุกครั้งคิดคือเขา) เพราะเรามีความหวังถ้าเป็นเขาจะดีใจที่สุด"
ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ แต่เพราะความรักเลยทำให้เรามีความหวัง ในการเคาะประตูทุกครั้งคิดว่าเขาจะกลับมา?
นิโคล : "พี่ฉอดพูดคำนี้ กี้ จะร้องไห้ ... ใช่ค่ะ คิดว่าอาจจะเป็นเขา แต่มันกลายเป็นพี่ใหม่เจริญ ปุระ พอเราเห็นพี่ใหม่ เราเห็นพี่ใหม่เราก็มีพลังขึ้นเพราะพี่ใหม่ เขาเป็นคนมีพลังเยอะ เพราะตอนนั้นคือ กี้ ทานข้าว ไม่ได้เลยแล้วผอมเป็นก้าง ผอมมาก แล้วพี่ใหม่ เขาก็ทำซุปทำอะไรมาให้เราจัดใส่ถาดมาวางด้วยดอกไม้สวยเลยแล้วถือมา นิโคลๆพี่ใหม่ทำซุปมาให้ทาน ทานเยอะๆ นะ"
"(พี่ใหม่เขาก็เป็นห่วงเราที่เห็นเราทานอะไรไม่ได้เลยมาดูแลเรา) ซึ่งดีมากทำให้เราหายเศร้า แต่พี่ใหม่ อยู่ๆร้องไห้เองแบบจริงจังเลย แล้วบอกเราว่า “เธอฉันอยากได้ห้องแบบนี้” ประมาณว่าพี่ใหม่ เขาทำบ้านนานมากเลยแล้วพี่ไม่ได่แบบนี้ เรากลายเป็นปลอม พี่ใหม่ จริงๆแล้วมันดีเพราะทำให้เราลืมความทุกข์ของเรา เพราะได้พี่ใหม่ มาดูแล"
เมื่อเราเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้วทำไมต้องรอ
นิโคล : "เพราะคิดว่าอย่างน้อยสิ่งที่เขาควรจะทำก็ต้องกล้าหน่อย เราไม่ได้จะรั้งไว้ แต่ขอให้เกียรติเรานิดในการบอก เลิก (กี้ คิดว่าการบอกเลิกเป็นการให้เกียรติ) เพราะดีกว่าปล่อยให้เราอยู่ไปอย่างนั้น กี้ สอนลูกเลยนะคะ ว่าเวลาเราจะคบกับใครเราคบได้ เราขอเป็นแฟนได้ แต่ถ้าสมมติว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาแล้วเราไปต่อกับเขาไม่ได้ มันคือชีวิตมัน มันไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่าเราจะอยู่ด้วยได้ไปตลอดชีวิต แต่ว่าวิธีการเลิกคือสิ่งสำคัญถ้าเลิกกันดีๆพูดกันดีๆ ถ้าเริ่มได้ก็จบได้ แต่ถ้าจบมันต้องรู้มันต้องบอกกัน"
ในความรักครั้งนั้น คือ แอบหวังไหม?
นิโคล : แอบหวังค่ะ คือมีช่วงหนึ่งที่ต้องบอกตรงๆว่า ตอนนั้น กี้ อยู่ไม่ได้แล้ว อยู่ไม่เป็น กี้ ซึมเศร้าแล้ว (ถ้าวันนั้นเขาเดินกลับมาเราก็โอเคที่จะไปต่อนะคะ) แต่ถ้าเป็นวันนี้ ไม่แล้วค่ะ วันนี้แข็งแรง วันนี้รู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้เราเจ็บในวันข้างหน้าว่าเราควรเจ็บแล้วจำ แต่ว่าตอนนั้นเรายังไม่พร้อมจริงๆแล้วเรายังโตไม่พอ แล้วเรายังอยู่ในช่วงชีวิตที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง มีชื่อเสียง ก็ผิดเพี้ยนไปจากความจริง พออะไรมันดี ก็ดี๊ดี อะไรที่แย่ ก็แย่เลย ความรักก็เยอะมันเป็นอะไรที่เรายังไม่โตพอ แล้วเรื่องมันเยอะไปที่เราจะรับมันได้ ตอนนั้นเราสูญเสียหลายอย่าง ออกอัลบั้มชุดที่ 3 ก็คือแป้ก แล้วโปรโมทเตอร์เสียชีวิต แฟนทิ้งอีก แล้วโดนผู้จัดการโกงเงินไปอีกไม่รู้กี่ล้าน ซึ่งทุกคนเป็นคนที่เรารักที่เราไว้ใจมาก กี้ จัดแจงตัวเองไม่เป็นเลยตอนนั้น
แล้วสุดท้ายเรากลับมาเป็นคนเดิมได้ยังไง?
นิโคล : กี้ เหนื่อยแล้ว กี้ หิว คือมันไม่ได้ทานข้าว มันเหนื่อยเอง เหนื่อยกับการเจ็บ เบื่อตัวเองรำคาญตัวเองด้วยค่ะ แล้วมีอยู่วันหนึ่งเราลุกขึ้นเอง เจ็บที่สุดหยุดได้เองค่ะ เขาก็ไม่ได้มารับรู้สิ่งที่เราเป็น ชีวิตเราต้องดำเนินต่อ แล้วเรายังมีพ่อแม่ที่เราต้องดู แล้วเรามาเป็นแบบนี้เพื่ออะไร นี่เราเสียเวลามามากแล้ว เป็นเดือนๆเลยงานก็ไม่ดี หน้าก็แย่ โทรม เหมือนเราตัดเลยตอนนั้น แล้วเจอเขาทุกวันนี้ ไม่มีความโกรธเลย เรานึกย้อนกลับไปวันนั้น ทำไมเราต้องเป็นอะไรขนาดนั้นด้วย
เห็นว่าเมื่อมีช่วงเวลาแห่งความรักบ้างมีช่วงเศร้าๆ แต่ก็ได้ลูกชาย เข้ามาเป็นกำลังใจ ปลอบใจอยู่เสมอ?
ทิกเกอร์ : "ก็ไม่ได้เข้าไปเลยแต่เราจะใช้ระยะห่างนิดหน่อย จะได้มีเวลานิดนึงแล้วอีกสักพักเราค่อยเข้าไปคุยกันเรื่องปัญหา"
นิโคล : "ส่วนมาก ทิกเกอร์ เขาจะเป็นคนที่เริ่มคุยก่อน เขาจะเข้ามาในห้องเพราะเราจะแอบอยู่คนเดียวในห้อง ซึ่งเราก็เล่าความจริงให้เขาฟังทั้งหมดเพราะเขาอยากรู้เราก็ต้องบอก แต่พยายามไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นแต่ก็ร้องอยู่ดีเพราะเรามีอยู่แค่นี้ แค่ลูกถามว่า ยูโอเค แค่นี้ก็น้ำตาไหลแล้ว"
ทิกเกอร์ เข้าใจความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่ยังไงบ้าง?
ทิกเกอร์ : "ผมคิดว่าการที่เป็นพ่อแม่ ต้องมาก่อนปัญหา ก็ดีครับได้มีครอบครัวใหญ่ๆ"
นิโคล : "เราจะเจอกันเป็นประจำอยู่แล้วแต่หลักๆ เลย คือ ปีใหม่ คริสมาสต์ หรือ ถ้าพี่แมวเหงาก็พา แจ๊สเปอร์ มา ซึ่ง ทิกเกอร์ กับ แจ๊สเปอร์ คือเป็นคนละแบบ แจ๊สเปอร์ จะพูดเก่งมาจน ทิกเกอร์ เขาน่าจะเป็น ceo ได้เลย ซึ่งเขาเป็นคนตั้งชื่อให้กับน้อง"
ทิกเกอร์ : "เพราะผมเห็นว่าพ่อชอบ แจ๊ส ครับ เพราะตอนแรกคุณพ่อจะตั้งชื่อน้องว่า แคสเปอร์ ก่อนแต่เราคิดถึงคำว่า แจ๊ส เลยบอกว่า ใส่คำนี้เข้าไปผสมด้วยดีกว่าเลยได้ชื่อออกมาคือ แจ๊สเปอร์ ครับ"
ทิกเกอร์ อยากทำงานในวงการด้านไหนไหม
ทิกเกอร์ : อยากร้องเพลงครับ ตอนแรกไม่ค่อยชอบกีตาร์แต่สุดท้ายคือ ก็ชอบ (หัวเราะ) แล้วก็ชอบตีกลอง
นิโคล : ทิกเกอร์ เขาเป็นคนทำอะไรคือ จริงจังมาก เรายังไม่ได้ครึ่งของเขาเลย แต่เราก็คอยสนับสนุนสิ่งที่เขาชอบที่เขาต้องใช้ ส่วนเรื่องการแสดงแอบฝาก พี่ฉอด เลยค่ะ
ทิกเกอร์ : ส่วนมากหลักๆตอนนี้ คืออยากโฟกัสดนตรีกับเพลงครับ การแสดงแอคติ้ง ก็สนใจบ้าง
เคยได้ยินเพลงที่คุณแม่ร้องไหม ชอบเพลงไหนของคุณแม่เป็นพิเศษ
ทิกเกอร์ : "เปรี้ยวใจครับ"
นิโคล : "ตอนนั้นที่เราขึ้นคอนเสิร์ต ทิกเกอร์ จะเตรียมดอกไม้ตุ๊กตา เอามาให้ข้างเวที เราจะแฮปปี้ที่สุด เหมือนเขาโตมากับคอนเสิร์ต โตมากับเสียงเพลงน่าจะซึมซับพอสมควร ตอนนี้เขาก็เซ็นสัญญาการเป็นศิลปินแล้วอยู่ในระหว่างทาง อีกไม่นานน่าจะได้เห็นผลงานของเขาค่ะ ตอนนี้อยู่ในช่วงฝึกหัดค่ะ พอเราเห็นเขาฝึกขนาดนี้เรายืนมองดูเขาฝึกก็ร้องไห้ ร้องไห้เก่งมากเพราะเราปลื้มในตัวเขา แล้ววันที่เขาเซ็นสัญญา"
"คือเป็นสัญญาที่เราเซ็นเมื่อตอนที่เราเข้ามาเป็นศิลปิน ซึ่งตอนนี้เป็นชื่อเขา อชิระ เทริโอ แต่เขายังไม่ 18 ก็ต้องมี นิโคล เทริโอ อยู่ข้างล่าง เราไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นสัญญาอันนั้นที่เราเซ็นเมื่อ 20 ที่แล้ว ดีใจมากที่เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเราที่ทำให้เรามีทุกอย่างในวันนี้ กี้ รู้เลยว่าเขาจะปลอดภัยที่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม กี้ หมดห่วงจริงๆ"