ปี 2561 ... นักลงทุนระวัง 'ค่าเงินเปโซ' เสี่ยงมากที่สุดในเอเชีย!

‘บลูมเบิร์ก’ ออกบทวิเคราะห์ที่กล่าวถึงค่าเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองว่า ‘ค่าเงินเปโซ’ ของฟิลิปปินส์ จะเป็นค่าเงินที่มี ‘ความเสี่ยง’ มากที่สุดในภูมิภาคนี้

ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนที่มีความสุขและได้กำไรจากการที่ ‘ค่าเงินเปโซ’ ของฟิลิปปินส์ ที่เปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ควรต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะเงินสกุลนี้ถูกคาดว่าจะเป็น ‘สกุลเงินที่แย่ที่สุด’ ในเอเชีย ปี 2561

ทั้งนี้ ‘บลูมเบิร์ก’ คาดการณ์ว่า ‘เงินเปโซ’ ในปี 2561 มูลค่าเฉลี่ยจะลดลง 1.5% อยู่ที่ 51 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจะลดลงไปสูงสุดถึง 56 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดย ‘ค่าเงินเปโซ’ จะได้รับผลกระทบจากดุลบัญชีเดินสะพัด และจากการที่ธนาคารกลางของฟิลิปปินส์ลดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะที่ นักการเงินหลายสำนักมองตรงกันว่า ‘ค่าเงินเปโซ’ ยังคงมีความเสี่ยง ธุรกรรมทางการเงินจากภายนอกจะมีผลต่อ ‘ค่าเงินเปโซ’ มากกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การลงทุนและการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความเป็นไปได้สูง เพราะความเคลื่อนไหวของ ‘ค่าเงินเปโซ’ ในปีที่ผ่านมา ‘ต่ำสุดในรอบ 11 ปี’ อยู่ที่ 51.85 เปโซ ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของฟิลิปปินส์ในปีนี้ จะ ‘ขาดดุล’ มากถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มอีก 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2561 ซึ่งเป็นผลจากโครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานของ ‘โรดริโก ดูเตอร์เต’ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ผลักดันการนำเข้าสินค้ามากขึ้น

ปัญหาใหญ่ของฟิลิปปินส์ คือ การที่ไม่มีเงินไหลเข้า และเป็นคำตอบว่า “ทำไมเศรษฐกิจของประเทศถึงไม่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภูมิภาค?” การมอง ‘ค่าเงินเปโซ’ ที่ 51 เปโซ ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไปด้วยซ้ำ

แต่ก็ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนที่คิดเช่นนี้ เพราะเมื่อประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ลงนามในกฎหมายภาษีฉบับใหม่ ก็เกิดการเคลื่อนไหวของ ‘ค่าเงินเปโซ’ อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ คาดว่า ‘ค่าเงินเปโซ’ จะแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 50 เปโซ ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงกลางปีและสิ้นปี 2561 จะอยู่ที่ 48 เปโซ ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะคาดว่าในปีหน้าเงินจะไหลเข้าฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลายปี

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังมองว่า การขาดดุลบัญชีที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปฏิรูปกฎหมายภาษี และผู้ว่าการธนาคารที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้ง 2 อย่างนี้ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ ‘ค่าเงินเปโซ’ อย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค