ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ปี 2560 เป็นปีที่ ‘กลุ่มไอเอส’ เสียฐานที่มั่นสำคัญในอิรักและซีเรีย แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นปีที่เกิดเหตุก่อการร้ายแบบ ‘Lone Wolf’ ที่กระทำเพียงคนเดียว หรือ กลุ่มเล็ก ๆ โจมตีตามเมืองใหญ่ทั่วโลก
‘กองทัพอิรัก’ สามารถชักธงชาติขึ้นเหนือเมืองโมซุลได้อีกครั้ง หลังถูก ‘กลุ่มไอเอส’ หรือ กลุ่มรัฐอิสลาม ยึดไปตั้งเป็นฐานที่มั่นตั้งแต่ปี 2557 และเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอิรักประกาศชัยชนะจากการต่อสู้ยืดเยื้อมายาวนานนับปี
“อิรักได้บรรลุภารกิจที่ยากยิ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้แล้ว และได้รับชัยชนะจากพระเจ้า จากความเพียรของชนในชาติ จากความกล้าหาญของกองกำลังอิรัก จากเลือดและความทุกข์ทรมานของผู้เสียชีวิต-ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ” - ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี นายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าว
ด้าน กองกำลังประชาธิปไตยซีเรียออกมาประกาศชัยชนะในการสู้รบกับ ‘นักรบกลุ่มไอเอส’ ในเมืองรักกา ซึ่งเป็นอีกฐานที่มั่นสำคัญของไอเอส นี่คือ สิ่งที่บ่งบอกว่า ‘กลุ่มไอเอส’ เผชิญกับการล่มสลายของรัฐกาหลิบ หรือ คอลิฟะห์ ที่เคยครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางทั้งในอิรักและซีเรียแล้ว
การยึดคืนฐานที่มั่นของ ‘ไอเอส’ เป็นข่าวดีให้กับทั่วโลก แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ บรรดานักรบไอเอสที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจกำลังกระจายตัวไปตามเมืองใหญ่ทั่วโลก เพื่อก่อเหตุก่อการร้าย รวมถึงประชาชนธรรมดาที่เติบโตในชาติต่าง ๆ แต่ได้รับแนวคิดหัวรุนแรงจากกลุ่มไอเอส ที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการเผยแพร่อุดมการณ์ ทำให้มีการก่อเหตุโจมตีแบบ ‘Lone Wolf’ ที่กระทำเพียงคนเดียว หรือ กระทำโดยกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนภายในปี 2560
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ‘อียิปต์’ เป็นเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในรอบปี 2560 คนร้ายกว่า 30 คน เข้าปิดล้อมมัสยิด ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ศรัทธาในลัทธิซูฟี นิกายซุนหนี่ ที่กลุ่มไอเอสมองว่าเป็น ‘ลัทธินอกรีต’ โดยลงมือสังหารหมู่และจุดชนวนระเบิดอย่างเหี้ยมโหดระหว่างที่ชาวมุสลิมจำนวนมากกำลังทำพิธีสวดภาวนา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 ราย
‘ยุโรป’ เป้าโจมตีสำคัญของไอเอส ที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายแบบ ‘Lone Wolf’ หลายครั้ง โดยเฉพาะกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่เผชิญเหตุก่อการร้ายมากถึง 4 ครั้งในปีเดียว ซึ่งครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. คนร้ายขับรถพุ่งชนคนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ก่อนเข้าไปแทงตำรวจดับในรัฐสภา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 40 คน
อีกเหตุน่าสลด เกิดขึ้นในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ คนร้ายก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายระหว่างงานแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องสาว ‘อาเรียนา แกรนเด’ ท่ามกลางผู้ร่วมงานจำนวนมาก ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 19 ราย บาดเจ็บ 59 คน
เหตุที่ ‘นครบาร์เซโลนา’ ประเทศสเปน คนร้ายขับรถตู้พุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณถนนลาสรัมบลาส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน นอกจากนี้ ‘ฝรั่งเศสและสวีเดน’ ก็เกิดเหตุก่อการร้ายในลักษณะเดียวกันด้วย
สำหรับที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ เกิดเหตุน่าสลดเช่นกัน เมื่อชายวัย 29 ปี ขับรถกระบะพุ่งเข้าชนผู้คนบนเลนจักรยาน ย่านแมนฮัตตัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกอย่างน้อย 11 คน
ต่อมา ‘สหรัฐอเมริกา’ ต้องเผชิญกับเหตุที่ทำให้ทั่วโลกต้องขวัญผวาอีกครั้ง เมื่อ ... นายสตีเฟน แพ็ดด็อค ก่อเหตุกราดยิงจากชั้น 32 ของโรงแรมมันดาเลย์ เบย์ ใส่งานคอนเสิร์ตกลางแจ้งในลาสเวกัส จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 ราย และบาดเจ็บมากถึง 527 คน ซึ่งแม้การสอบสวนจะไม่พบจุดเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ทางกลุ่มไอเอสก็ออกมาอ้างว่า อยู่เบื้องหลัง
แม้ว่า ‘กลุ่มไอเอส’ หรือ กลุ่มรัฐอิสลาม จะสูญเสียฐานที่มั่นสำคัญไป แต่ไม่ได้หมายความว่า แนวคิดการฆ่าล้างและมุ่งทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ของกลุ่มนักรบไอเอสจะหายไปด้วย การต่อสู้เพื่อล้มล้างแนวคิดดังกล่าว ยังคงเป็นเรื่องท้าทายของเราทุกคน