"เหมืองเงินดิจิทัล" ชุบชีวิตหมู่บ้านชนบทในสวิตเซอร์แลนด์
ใครจะไปคิดว่าการทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล อย่างบิทคอยน์ จะเป็นการช่วยฟื้นฟูชุมชนด้วย แต่ตัวอย่างนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อธุรกิจขุดเงินดิจิทัล ทำให้หมู่บ้านแทบร้างแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ประมาณ 100 ปีก่อน หมู่บ้านกอนโดในสวิตเซอร์แลนด์ ติดกับพรมแดนอิตาลี ขึ้นชื่อเรื่องการขุดทอง จนเหมืองปิดตัวลง และหมู่บ้านเจอวิกฤตหนัก แต่มาวันนี้ นักขุดกลับมา และสร้างชีวิตชีวา ให้กอนโดอีกครั้ง เสียแต่ว่า นักขุดเหล่านี้ ไม่ได้มาขุดทอง
ภายในโกดังไร้หน้าต่างแห่งนี้ การ์ดแสดงผล หรือการ์ดจอกราฟิก 900 ชิ้น กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อขุดสกุลเงินดิจิทัล
นับแต่เหมืองทองปิดลง สถานการณ์ของหมู่บ้านกอนโดย่ำแย่มาตลอด ซ้ำรายเมื่อ 20 ปีก่อน ยังเกิดหน้าผาถล่ม จนมีผู้เสียชีวิต 13 คน ทำให้ธุรกิจ ห้างร้าน ทยอยย้ายออกไป ปีที่แล้ว สำนักศุลกากรที่เป็นนายจ้างรายใหญ่ของหมู่บ้าน ก็ย้ายไปเขตอื่น สถานีบริการน้ำมันปิดลง เหลือแค่ 2 แห่ง เรียกได้ว่า กอนโดกลายเป็นหมู่บ้านร้าง มีแค่คนขับรถบรรทุกที่สัญจรผ่านวันละ 400 คันเท่านั้น
โรงงานขุดเงินดิจิทัลนี้ เป็นของบริษัท อัลไพน์บล็อกเชน มีพื้นที่เกือบ 100 ตารางเมตร ภายในอัดแน่นไปด้วยชั้นเหล็กและการ์ดจอหลายร้อยชิ้น หรือเทียบเท่าคอมพิวเตอร์ 150 เครื่อง เพื่อใช้คำนวณสมการบล็อกเชนที่ซับซ้อน ให้ได้เงินดิจิทัล อย่างบิทคอยน์มา
ข้อเสียคือ มันเหมือนห้องที่อัดแน่นด้วยเครื่องยนต์ สร้างความร้อนคล้ายห้องซาวนา อุณหภูมิสูงขึ้นถึง 41 องศาเซลเซียส ทั้งที่อยู่ในแถบเทือกเขาอากาศหนาวจัด ทำให้ทางบริษัท ต้องนำท่อพลาสติกมาวางระหว่างชั้นเหล็ก และสูบอากาศกว่า 3 หมื่นลูกบาศก์เมตร เข้าไปในห้องทุกชั่วโมง เพื่อหล่อเย็น
กระบวนการเหล่านี้ใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อัลไพน์บล็อกเชนมาตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ที่กอนโด เพราะค่าไฟฟ้าถูกนั่นเอง
ในอนาคตอันใกล้ อัลไพน์บล็อกเชนเตรียมสร้างศูนย์ขุดเงินดิจิทัลแห่งที่ 2 ขึ้นในหมู่บ้าน แต่ก็กำลังวางแผนจะไปตั้งธุรกิจในหมู่บ้านอื่นแทบเทือกเขาด้วย เพราะที่กอนโดมีหม้อแปลงไฟฟ้าหม้อเดียว และตอนนี้ ทางบริษัทก็ใช้ไฟฟ้ามากถึง 1 ใน 3 แล้ว การรอหม้อแปลงไฟใหม่ที่จะมาในอีก 6 เดือน อาจไม่ทันการ เพราะกระแสตื่นเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี รัสช์นั้น ต้องแข่งกับเวลา
