รัฐสภาของญี่ปุ่นมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายการเรียกเก็บภาษี กำหนดให้นักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่เดินทางออกจากญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินหรือเรือจะต้องชำระภาษีขาออก หรือ ดีพาร์ทเจอร์ แท็กซ์ จำนวน 1,000 เยน คิดเป็นเงินไทยราว 291 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ปี 2019 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ 4.3 หมื่นล้านเยนต่อปีและจะจัดสรรรายได้ส่วนนี้ไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การติดตั้งระบบจดจำและยืนยันตัวตนผ่านใบหน้า หรือ การให้คำแนะนำในภาษาต่างๆที่อุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวมีข้อยกเว้นสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 2 ขวบ รวมถึงผู้โดยสารเครื่องบินที่แวะจอดพักหรือรอเปลี่ยนเครื่อง และอยู่ในญี่ปุ่นไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีก โดยในปีที่แล้วญี่ปุ่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 28.69 ล้านคน พุ่งขึ้นจากปี 2016 ถึง 19.3% ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ถึง 40 ล้านคนภายในปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกม
อย่างไรก็ตาม มีผู้คนบางส่วนที่มองว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบด้านลบ เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวให้เดินทางไปประเทศที่ไม่มีการเรียกเก็บภาษีขาออก ขณะที่บางส่วนกังวลว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีอาจถูกนำไปใช้ในส่วนอื่น
